*เร่งปิดบัญชีข้าวหลังยืดเยื้อ/ดีเอสไอส่งต่อคดีรถหรูให้สำนักภาษีอากร/นกแอร์ยืนยัน 1 มี.ค.บินปกติ*

24 กุมภาพันธ์ 2559, 08:12น.


ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 08.30 น.



+++วันนี้  เวลา 09.00 น. นายกรัฐมนตรีเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) ครั้งที่ 1/2559  รายงานข่าว จากคณะทำงานปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าว เปิดเผยว่า คณะทำงานปิดบัญชีฯ ยังไม่สามารถสรุปปิดบัญชีได้ เนื่องจากองค์การคลังสินค้า (อคส.) และองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) ยังไม่ยอมส่งข้อมูลให้กับคณะทำงาน ทั้งที่มีการขยายเวลาการให้ยื่นข้อมูลมาหลายครั้งแล้ว จากเดิมที่คาดว่าจะปิดบัญชีงวดวันที่ 30 ก.ย. 2558 ให้ได้ภายในเดือน ต.ค. 2558 ที่ผ่านมา แต่ขณะนี้จะสิ้นเดือน ก.พ. 2559 ก็ยังไม่สามารถปิดบัญชีได้ หากไม่สามารถปิดบัญชีล่าสุดได้ ก็จะกระทบถึงการฟ้องร้องผู้ที่ทำให้เกิดความเสียหายจากผู้ที่กระทำผิด และการเรียกร้องค่าเสียหายจากผู้ที่เกี่ยวข้องได้ ที่ผ่านมาได้ให้ อคส.และ อ.ต.ก.ส่งตัวเลขปริมาณข้าวที่เหลือให้กับกรมการค้าต่างประเทศ เพื่อนำส่งให้คณะทำงานอีกครั้ง แต่เมื่อถึงกำหนดคือสัปดาห์ที่ผ่านมา อคส.และ อ.ต.ก.ยังไม่ได้ส่งข้อมูลให้กรมการค้าต่างประเทศ   ขณะที่ผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์ออกมายอมรับว่า การปิดบัญชีรอบวันที่ 30 ก.ย. 2557 ซึ่งมีผลขาดทุนรวม 7 แสนล้านบาท โดยเป็นการขาดทุนจากโครงการรับจำนำข้าวสมัยรัฐบาลที่ผ่านมากว่า 5 แสนล้านบาทนั้น มีข้าวหายไปจริง   นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง ประธานคณะอนุกรรมการปิดบัญชีฯ กล่าวว่า คณะอนุกรรมการปิดบัญชีฯ จะต้องประชุมปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าวให้ได้ภายในเดือนนี้ เนื่องจากล่าช้ามากแล้ว และอนุกรรมการต้องรายงานผลการปิดบัญชีล่าสุดให้กับคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) รับทราบเพื่อแก้ไขปัญหาขาดทุน



+++คดีรถหรู สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ หรือ "สมเด็จช่วง"ล่าสุด กรมสอบสวนคดีพิเศษ ส่งต่อให้สำนักภาษีอากรตรวจสอบต่อ คาดใช้เวลา 2-3 เดือน สอบปากคำผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด ชี้ต้องพิสูจน์ที่มาเงินค่ารถ 4 ล้าน ขณะ"หจก.เอชทีวาย ออโต้พาร์ท" ร้องดีเอสไอ ถูกปลอมใบเสร็จ แจงนำเข้าอะไหล่มอเตอร์ไซค์ ในวันที่ 24 ก.พ.นี้ พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร ผบ.สำนักคดีเทคโนโลยีและสารสนเทศ จะส่งมอบสำนวนการสืบสวนทั้งหมดไปให้ พ.ต.ท.อนุรักษ์ โรจนนิรันดร์กิจ ผบ.สำนักคดีภาษีอากร เพื่อสอบสวนต่อไป โดยสำนวนสืบสวนที่ส่งมอบจะมีการสรุปข้อกล่าวหาในขั้นตอนต่างๆ ทั้งการนำเข้า การจดทะเบียน การปลอมแปลงเอกสาร ส่วนการสอบสวนในส่วนของสมเด็จช่วงขึ้นกับดุลพินิจของพนักงานสอบสวนชุดใหม่ เพราะการกระทำผิดอาญาต้องพิสูจน์เจตนา ซึ่งถือเป็นดุลพินิจพนักงานสอบสวน โดยประเด็นที่จะเป็นปัญหากับพระคือประเด็นว่านำเงินส่วนใดมาชำระค่ารถดังกล่าวเป็นมูลค่าถึง 4 ล้านบาท หากเป็นเงินส่วนตัวต้องชี้แจงที่มาของรายได้ แต่หากเป็นเงินวัดอาจเข้าข่ายความผิดยักยอกทรัพย์ได้ ส่วนใบเสร็จรับเงินเลขที่ 1933 ลงวันที่ 16 ส.ค.2554 ซึ่งระบุว่า นางกาญจนา มากเหมือน เจ้าของอู่เอ็นพีการาจ เป็นผู้ว่าจ้างให้ หจก.เอช ที วาย ประกอบรถยนต์ในวงเงิน 5 หมื่นบาท หักภาษีมูลค่าเพิ่ม 7 เปอร์เซ็นต์ เป็นเงิน 3,500 บาท เป็นเอกสารที่ถูกปลอมขึ้น ขณะที่ค่าว่าจ้างในการประกอบที่พระมหาศาสนมุนี หรือหลวงพี่แป๊ะ เลขานุการส่วนตัวของสมเด็จช่วง จ่ายให้แก่อู่วิชาญมีวงเงินถึง 1.5 ล้านบาท



++++สำหรับความขัดแย้งพระสงฆ์เรื่องการแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราชองค์ใหม่ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เน้นย้ำในที่ประชุม ครม.เมื่อวันที่ 23 ก.พ. กำชับให้ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นพระสงฆ์หรือประชาชนทั่วไปทุกคนต้องอยู่ใต้กฎหมาย ขณะเดียวกันได้มีบุคคลในรัฐบาลเสนอความเห็นเรื่องนี้ต่อ นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ว่า นอกจากมหาเถรสมาคม (มส.) จะเป็นผู้เสนอชื่อสมเด็จพระสังฆราชและแต่งตั้งพระในตำแหน่งต่างๆ แล้ว รัฐบาลน่าจะเสนอให้ มส.เป็นผู้ตัดสินปัญหาความขัดแย้งระหว่างพระสงฆ์เรื่องการแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราชด้วยตัวเอง เพราะนอกจาก มส.จะพิจารณาความเหมาะสมของพระที่จะขึ้นเป็นสมเด็จพระสังฆราชแล้ว ต้องมีความสง่างาม ไม่มีมลทิน หรือติฉินนินทาจากประชาชน



+++พระเมธีธรรมาจารย์ (เจ้าคุณประสาร จนฺทสาโร) เลขาธิการศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว หัวข้อ "ผู้ต้องหาคดีเจริญพระพุทธมนต์" ระบุว่า ขณะนี้พระสงฆ์จำนวนมากที่เดินทางไปร่วมเจริญพระพุทธมนต์ที่พุทธมณฑลในวันนั้น ได้แสดงเจตจำนงมาที่อาตมาเป็นจำนวนมากว่า ถ้ามีหมายเรียกมาถึงอาตมาเมื่อไหร่ วันไหน ทุกรูปจะขอไปแสดงตนให้ล้นโรงพักพุทธมณฑลในวันนั้น เพื่อจะไปแสดงตนเป็นพระผู้ต้องหาร่วมในคดีเจริญพระพุทธมนต์ดังกล่าว และยอมให้จับกุมคุมขังพระสงฆ์หมู่ใหญ่ด้วยกันทั้งหมดในวันนั้นจึงได้แต่หวังว่ารัฐบาลจะมีสติ ไตร่ตรอง ใคร่ครวญมองอะไรให้รอบคอบ เพื่อจะได้ไม่กลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียวไปในที่สุด



+++วันนี้ ต้องติดตาม  นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง จะแถลงมาตรการที่กระตุ้นเศรษฐกิจ



+++ส่วนหอการค้าไทย จัดแถลงข่าวโครงการ "แบ่งน้ำใช้ ปันน้ำใจ สู้ภัยแล้ง" พร้อม 10 เอกชน อาทิ น้ำตาลมิตรผล ปูนซิเมนต์ไทย ปตท. และกลุ่มเซ็นทรัล เป็นต้น ที่จะนำเสนอต้นแบบการประหยัดน้ำ เพื่อเป็นแนวทางสำคัญให้เอกชนและประชาชนร่วมมือสู้ภัยแล้งในปีนี้



+++การแก้ไขปัญหาภายในองค์กร ที่ส่งผลให้มีการยกเลิกเที่ยวบินอย่างต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 14 กพ. นายพาที สารสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการบินนกแอร์ เปิดเผยว่า ปัจจุบันนกแอร์ยังอยู่ในช่วงการปรับระบบบริหารจัดการภายใน และจะส่งผลให้ตั้งแต่วันนี้ 23 กพ.2559 จนถึงวันที่ 29 กพ.นี้ นกแอร์ จะยังคงใช้สายการบินพันธมิตรเข้ามาบินทดแทนในเที่ยวบินที่ต้องยกเลิกไป รวมแล้วประมาณ 20 เที่ยวบินต่อวันรวมไปกลับ มั่นใจว่าปัญหาดังกล่าวจะคลี่คลาย และทำให้ตารางบินเข้าสู่สภาวะปกติได้ตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค.เป็นต้นไป เนื่องจากขณะนี้นกแอร์มีแผนรับนักบินเข้ามาเสริมอีกประมาณ 20-30 คน



+++นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมกล่าวหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)โดยระบุว่า กระทรวงคมนาคมได้รายงานความคืบหน้าการแก้ไขปัญหากรณีสายการบินนกแอร์ยกเลิกเที่ยวบินเมื่อวันที่ 14 ก.พ.จำนวน 9 เที่ยวบิน ให้  ครม.รับทราบ ว่าขณะนี้ได้ ตักเตือนสายการบินนกแอร์เป็นครั้งที่ 1 เนื่องจากเข้ามาแก้ไขปัญหาล่าช้า  และป้องกันผลกระทบที่จะเกิดกับผู้โดยสาร กระทรวงคมนาคมได้สั่งให้ 14 สายการบิน กลับไปจัดทำแผนสำคัญ 3 แผน คือ 1.แผนเผชิญเหตุฉุกเฉินกรณียกเลิกเที่ยวบินจากทุกกรณี 2.แผนการบริหารความเสี่ยงขององค์กร ที่เกี่ยวข้องกับระบบปฏิบัติการ ระบบบุคลากร รวมทั้งระบบการเงินและ 3.แผนจัดการความเสี่ยงระบบคอมพิวเตอร์หรือระบบไอที โดยทุกสายการบินจะต้องมีการจัดการระบบคอมพิวเตอร์ให้มีความเสถียรเพื่อป้องกันให้เกิดปัญหาระบบคอมพิวเตอร์ล่มจนส่งผลกระทบต่อระบบจองตั๋ว และระบบเช็คอินซึ่งส่งผลกระทบต่อผู้โดยสาร



+++ นายจุฬา สุขมานพ อธิบดีกรมท่าอากาศยาน และผู้อำนวยการกพท. กล่าวถึงการตรวจสอบชั่วโมงบินสายการบินนกแอร์ว่า ภายในวันที่ 27 ก.พ.นี้ จะได้ข้อสรุปการทำงานของนักบินสายการบินนกแอร์ว่ามีชั่วโมงบินเกินหรือไม่ ส่วนกรณีการยกเลิกเที่ยวบินเพิ่ม ในฐานะกพท.ยังไม่ทราบข้อมูล  ยังไม่มีการรับแจ้งยกเลิกเที่ยวบินเพิ่ม  ตามขั้นตอนปฏิบัติแล้ว กทพ. ต้องรอให้ทางสายการบินเป็นผู้แจ้งข้อมูลตารางบินหากสายการบิน มีการแจ้งล่วงหน้าให้ผู้โดยสารทราบน้อยกว่า 3 วัน หากไม่สามารถจัดหาเที่ยวบินให้ผู้โดยสารได้ สายการบินต้องจ่ายเงินชดเชยผู้โดยสารคนละ 1,200 บาท แต่หากแจ้งล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 3 วันตามกฎหมายสายการบินไม่ต้องจ่ายชดเชยผู้โดยสาร



++++แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทยขอเชิญร่วมงานการแถลงข่าวเปิดตัวรายงานสถานการณ์สิทธิมนุษยชนประจำปี 2558-2559 ที่จัดขึ้นพร้อมกันทั่วโลกในวันพุธที่ 24 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา 13.00-16.30 น.  ณ ห้องกมลทิพย์ โรงแรมสุโกศล ยังมีการพูดคุยเกี่ยวกับสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในประเด็น “ภารกิจกระทรวงยุติธรรมในการส่งเสริม ปกป้อง คุ้มครองสิทธิมนุษยชน” โดยนายชาญเชาวน์ ไชยานุกิจ ปลัดกระทรวงยุติธรรม * “เสรีภาพสื่อในการนำเสนอข่าวด้านสิทธิมนุษยชน โดยนางสาวชุติมา สีดาเสถียร เว็บไซด์ภูเก็ตหวาน และ “กฎหมายไซเบอร์ vs สิทธิมนุษยชน โดย นายอาทิตย์ สุริยะวงศ์กุล ผู้ประสานงานเครือข่ายพลเมืองเน็ต



คดีฆาตกรรม นายสมนึก จรูญจิรเสถียร หรือเสี่ยตุ้ม อายุ 57 ปี เจ้าของหุ้นส่วนบ่อนพนัน "ไพลินฟลามิงโกกาสิโน" จ.ไพลิน ประเทศกัมพูชา พล.ต.อ.เดชณรงค์ สุทธิชาญบัญชา โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ขณะนี้ พล.ต.ต.จรัล จิตเจือจุน ผบก.ภ.จว.จันทบุรี กำลังดำเนินการตามล่าคนร้ายอยู่ ปกติถ้าเป็นคดีลักษณะแบบนี้ไม่จำเป็นต้องรายงานเข้ามาที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เนื่องจากเป็นเรื่องนอกราชอาณาจักร เพราะมีการพบศพภายในเขต ต.เชอตึง อ.ศาลากราว จ.ไพลิน ในส่วนกระแสข่าวว่าหนึ่งในทีมอุ้มฆ่าเป็นตำรวจรวมอยู่ด้วยนั้น ยังไม่ทราบเรื่องดังกล่าว อย่างไรก็ตามต้องตรวจสอบอีกครั้งว่าเป็นอย่างที่กระแสข่าวระบุหรือไม่ เบื้องต้นพบว่าศพของนายสมนึกเสียชีวิตจากการถูกยิง 2 นัดที่ทรวงอกและคอจากทางด้านหลัง โดยเป็นการยิงห่างตัวไม่ใช่การจ่อยิง ส่วนตามร่างกายไม่พบร่องรอยถูกทำร้าย และคาดว่าน่าจะเสียชีวิตมาแล้วมากกว่า 7 วัน



ส่วนที่ชายแดนด้าน จ.สระแก้ว ได้มีจดหมายส่งถึงผู้สื่อข่าว ซึ่งระบุเป็นของนายอรุณ วงศ์รักษ์ หุ้นส่วนของเสี่ยตุ้ม โดยนายอรุณได้เขียนชี้แจงมาในจดหมายดังกล่าวว่า ข้อเท็จจริงถึงกรณีที่มีข่าวพาดพิงมาถึงตนเองในหนังสือพิมพ์และสื่อโทรทัศน์นายอรุณยอมรับว่าก่อนเสี่ยตุ้มถูกอุ้มไป ตนเองนั่งอยู่กับเสี่ยตุ้มจริงที่ร้านอาหารเจ๊กวัน ซึ่งอยู่ห่างจากบ่อนไพลิน ฟลามิงโกกาสิโนเพียงเล็กน้อย แต่นั่งคุยกัน เพียง 4-5 นาที เสี่ยตุ้มก็ได้ขอตัวไปดูที่ดินที่จะสร้างที่พักให้คนงาน ซึ่งอยู่ทางไปวัดเชอสกรอม ต.สตึงกอกัช อ.ศาลากราว จ.ไพลิน ตนเองเลยขออาศัยไปด้วย และขอลงกลางทาง



แหล่งข่าวในประเทศกัมพูชารายงานว่า คดีอุ้มฆ่าเสี่ยตุ้มนั้นทาง พล.ต.ต.เจียจัน เดน ผู้บังคับการตำรวจ จ.ไพลิน พร้อมเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนพิเศษกัมพูชาได้ร่วมกันทำคดีอย่างเร่งด่วน โดยในเบื้องต้นได้จับกุมผู้ต้องสงสัยชาวเขมรได้แล้ว 1 คน ซึ่งขณะนี้ได้นำตัวไปขยายผลติดตามหาตัวผู้ต้องสงสัยอีก 2 คน เบื้องต้นคาดว่าน่าจะมีคนร้ายไม่ต่ำกว่า 4 คน ส่วนกรณีที่ไม่ยอมเปิดเผยชื่อผู้ต้องสงสัยนั้น เพราะเกรงว่าคนร้ายที่ลงมือฆ่าจะไหวตัวหลบหนีไปเสียก่อน ทำให้อาจสาวไปไม่ถึงตัวผู้บงการที่อยู่เบื้องหลัง

ข่าวทั้งหมด

X