*นายกฯลดต่อปากต่อคำ ปัดใช้รธน.2ขยัก/เวียดนามวิตกนายทุนไทยซื้อกิจการค้าปลีก/จับ-ปรับแท็กซี่ทิ้งผู้โดยสาร

24 กุมภาพันธ์ 2559, 07:12น.


ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 07.30น



+++ประเด็นร้อนวันนี้ ความเคลื่อนไหวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่เดินหน้าให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง ในช่วงพำนักที่ประเทศสิงคโปร์ โดยเมื่อวันอาทิตย์ได้ให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีทเจอร์นัลและไฟแนนเชียลไทมส์ ล่าสุดได้ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวอัลจาซีราห์และรอยเตอร์อีกครั้ง ในท่วงทำนองเดียวกันกับก่อนหน้านี้



++++โดยนายทักษิณกล่าวกับอัลจาซีราห์ว่า สิ่งที่เห็นคือประเทศไทยกำลังก้าวถอยหลังมากกว่าจะก้าวไปข้างหน้า นี่คือเหตุผลที่เริ่มห่วงกังวล ส่วนร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ถือเป็นรัฐธรรมนูญฉบับที่เลวร้ายที่สุดเท่าที่เคยมีมา เหมือนกับรัฐธรรมนูญที่เขียนขึ้นในเกาหลีเหนือ     ส่วนการให้สัมภาษณ์กับรอยเตอร์ นายทักษิณเตือนว่า ยิ่งพวกนายพลครองอำนาจยาวนาน เศรษฐกิจของไทยก็มีแต่จะแย่ลง เนื่องจากรัฐบาลชุดนี้ไม่มีวิสัยทัศน์และไม่มีความสามารถในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจที่กำลังระส่ำระสาย



+++พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้ตอบคำถามสื่อมวลชนถึงจุดประสงค์ความเคลื่อนไหวของนายทักษิณที่ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อต่างประเทศว่า ไม่ได้มองจุดประสงค์อะไร มองทำไม และเมื่อถามต่อว่า จะเจรจาต่อรองอะไรกับนายทักษิณหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า "ก็เขาพูดไปแล้วนี่ กฎหมาย พูดด้วยกฎหมาย"



+++พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะเลขาธิการ คสช. กล่าวในเรื่องนี้ว่า จะพูดอะไรของเขาก็ให้พูดไป อย่าไปให้ความสนใจมาก เราไปพูดเรื่องอื่นดีกว่า ตอนนี้ประชาชนของเราเดือดร้อน ไปช่วยกันดูแลเรื่องภัยแล้งจะดีกว่า ขณะที่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมรุ่นนายทักษิณ ปฏิเสธตอบคำถามเรื่องนี้และเดินขึ้นรถทันที



+++ ในที่ประชุม ครม.ไม่มีการพูดถึงการเคลื่อนไหวของนายทักษิณ แต่นายกฯ เน้นย้ำส่วนที่เกี่ยวข้องให้ชี้แจงในสิ่งที่รัฐบาลกำลังทำงาน ลดการประสานงา การต่อปากต่อคำ เอาเท่าที่จำเป็นเท่านั้น สำหรับกรณีนายทักษิณ จะเจรจาไปทำไม เพราะยังไม่เข้าสู่กระบวนการ



+++สำหรับความเคลื่อนไหวในเรื่องร่างรัฐธรรมนูญนั้น พล.อ.ประยุทธ์ตอบคำถามถึงความชัดเจนต่อข้อเสนอปรับแก้ร่างรัฐธรรมนูญของรัฐบาลไปยังกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) โดยเฉพาะข้อ 16 ที่ระบุว่า ต้องการให้รัฐธรรมนูญบังคับใช้เป็น 2 ช่วง ว่าถ้าใช้คำพูดว่าเป็นขยักอาจผิด อาจทำให้งง ไม่ใช่มีรัฐธรรมนูญ 2 ฉบับ ซึ่งความหมายตรงนี้คือบทเฉพาะกาล คือถ้าทุกคนคิดว่าต้องมีการปฏิรูปในช่วงระยะเวลาเปลี่ยนผ่าน มันควรต้องมีระยะเวลาหรือไม่ บทนั้นบทนี้ยกเว้นเป็นการชั่วคราวได้หรือไม่ เพื่อให้เกิดการปฏิรูป ไม่อย่างนั้นก็ทำไม่ได้หมด เพราะในรัฐธรรมนูญก็ต้องพูดถึงกระบวนการทั้งหมดเหมือนที่ผ่านมา แล้วมันก็เกิดปัญหา



+++รายงานรข่าวแจ้งว่า นายกฯ จะไม่แสดงความเห็นถึงถึงกรณีมีข้อเสนอจากสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) และสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ในเรื่องร่างรัฐธรรมนูญ เพราะเป็นช่วงที่สังคมกำลังระดมความคิดเห็น การที่นายกฯ ไปแสดงความคิดเห็น ซึ่งเป็นต้นทาง คสช.จะเหมือนการโยนหินถามทาง กรณีนี้ถือเป็นความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กรธ.ต้องรับไปพิจารณา โดยสิ่งหนึ่งที่รัฐบาลให้ไป ก็คือความมีดุลยภาพในการถ่วงดุลซึ่งกันและกัน ซึ่งต้องไม่มีฐานเสียงมาจากกลุ่มเดียวกัน



+++ด้านนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธาน กรธ. กล่าวว่า คงต้องรอให้นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ เดินทางกลับมาจากการปฏิบัติหน้าที่ที่กัมพูชาก่อนถึงจะได้นัดหมายวันเวลาหารือประเด็นข้อ 16 ที่ ครม.เสนอให้ กรธ.เขียนบัญญัติเนื้อหาและการบังคับใช้รัฐธรรมนูญเป็น 2 ช่วงเวลาว่ามีความหมายอย่างไร



+++ด้านนายดิสทัต โหตระกิตย์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา กล่าวถึงความคืบหน้าในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2557 ฉบับชั่วคราว เกี่ยวกับประเด็นประชามติว่า มีการปรับแก้เรื่องการนับคะแนนที่จะให้ยึดเสียงข้างมากของผู้มาใช้สิทธิ์ รวมถึงข้อเสนอจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ ระยะเวลา และบทลงโทษ ดำเนินการและแก้ไขปรับปรุงเรียบร้อยแล้ว เหลือเพียงการประชุมอีก 1-2 ครั้ง เพื่อตรวจสอบความเรียบร้อยก่อนส่งกลับเข้าที่ประชุม ครม.เพื่อพิจารณา ซึ่งคาดว่าอีกไม่นาน โดยต้องส่งก่อนที่ กรธ.จะพิจารณาปรับปรุงแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญตามข้อเสนอแนะให้แล้วเสร็จวันที่ 29 มี.ค.นี้



+++เฟซออฟหลัง ดร.เซปิง ไชยศาส์น ที่ปรึกษาด้านศัลยกรรมความงาม ออกมาแถลงข่าวจะเดินหน้าทำโครงการเฟซออฟต่อ โดยยืนยันว่าเฟซออฟไม่ได้หมายถึงเทคนิคการทำศัลยกรรมที่เปลี่ยนใบหน้าให้ไม่เหมือนเค้าโครงเดิม แต่หมายถึงการมีใบหน้าใหม่ที่คนทำพึงพอใจ มีความสุข นพ.ชลธิศ สินรัชตานันท์ นายกสมาคมศัลยกรรมตกแต่งใบหน้าแห่งประเทศไทย ย้ำ ว่า การแจ้งความก่อนหน้านี้เป็นเรื่องของการโฆษณาโอ้อวด เนื่องจากเป็นเรื่องที่ผิด ไม่สามารถโฆษณาได้ ส่วนที่ ดร.เซปิง อ้างว่า เป็นหลานของตนเองยืนยันว่าไม่ใช่ ส่วนที่สังคมมองว่าปัญหาที่เกิดขึ้นเพราะปมขัดแย้งกันเองนั้น แต่ละคนสามารถคิดได้ ไม่ได้กังวลอะไร  ส่วนที่ ดร.เซปิง จะไปร้องแพทยสภาเกี่ยวกับตนนั้น ตนยังไม่ทราบ แต่เรื่องนี้ได้เข้าสู่กระบวนการของส่วนราชการแล้ว ดังนั้น ไม่ว่าจะเรื่องการโฆษณา หรือการพูดถึงเฟซออฟ ขอให้ไปถามสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ดีกว่า และหากใครจะพาดพิงอะไรตน ก็ไม่กังวล



+++น.ต.นพ.บุญเรือง ไตรเรืองวรวัฒน์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กล่าวถึงกรณีตรวจสอบโรงพยาบาลศัลยกรรมตกแต่งกมลที่ทำศัลยกรรม นายสุรชัย สมบัติเจริญ มีความเกี่ยวข้องกับ ดร.เซปิง หรือไม่นั้น ว่า ตามที่ปรากฏเป็นข่าว ยังไม่พบว่าสถานพยาบาลดังกล่าวออกมาคัดค้านหรือเห็นด้วยกับการโฆษณา จึงถือว่าเป็นการยินยอมให้โฆษณา ดังนั้น ผิดมาตรา 38 พ.ร.บ. สถานพยาบาล พ.ศ. 2541 มีความผิดปรับเงิน 20,000 บาท และปรับเพิ่มวันละ 10,000 บาท จนกว่าจะมีการแก้ไขปรับปรุงให้เป็นไปตามกฎหมาย อย่างไรก็ตาม อนุกรรมการโฆษณาของ สบส. จะชี้ขาดโทษอีกครั้งในวันที่ 4 มี.ค. นี้ ส่วนกรณี ดร.เซปิง มาให้ข่าวว่า เฟซออฟเป็นเพียงโครงการเท่านั้น ไม่ใช่เทคนิคการทำ เป็นหน้าที่ของ สคบ. ดูแลเรื่องนี้ แต่การใช้ชื่อโครงการก็เหมือนเป็นการสื่อให้เกิดความเข้าใจผิดได้ 



++++วงในอุตสาหกรรมค้าปลีกเวียดนามเตือนว่า ประเทศกำลังเสี่ยงที่จะสูญเสียตลาดค้าปลีกทั้งหมดให้แก่ไทย สินค้าเมดอินไทยแลนด์ ตั้งแต่ขนมขบเคี้ยว ไปจนถึงสินค้าฟุ่มเฟือยกำลังบุกตลาดเวียดนามครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา และบริษัทท้องถิ่นหลายรายดูเหมือนกำลังถูกซื้อโดยนักลงทุนไทย หลังบริษัทไทยเจริญคอร์ปอเรชั่น (TCC Holding) เข้าครองกิจการบริษัทขายส่ง เมโทรแคชแอนด์แครี่ ที่ดำเนินการอยู่ในเวียดนามอย่างเป็นทางการ จากบริษัทค้าส่งยักษ์ใหญ่ของเยอรมนี เมโทร กรุ๊ป รวมมูลค่ากว่า 655 ล้านยูโร (ประมาณ 25,584 พันล้านบาท) ที่ประกอบด้วย ร้านขายส่ง 19 ร้าน และอสังหาริมทรัพย์ที่เกี่ยวข้องทั่วเวียดนามร้านล็อตเต้มาร์ท และโคออปมาร์ท ของเกาหลีใต้ ที่เป็นเครือซูเปอร์มาร์เกตรายใหญ่ที่สุดของเวียดนาม  ธุรกิจไทยกำลังได้รับการสนับสนุนอย่างมหาศาลจากรัฐบาลทั้งด้านนโยบาย และทุนในโครงการบุกตลาด    ส่วนงานแสดงสินค้าไทยในนครโฮจิมินห์ จากที่เคยจัดเพียงปีละครั้ง ก็เพิ่มเป็น 4 ครั้งต่อปี ตั้งแต่ปี 2557  เจิ่น แอ็ง ต่วน ผู้อำนวยการใหญ่บริษัท Pathfinder ที่ให้คำปรึกษาด้านการตลาด สำนักงานในนครโฮจิมินห์ กล่าวว่า สิ่งนี้เป็นภัยคุกคามที่แท้จริงต่อเวียดนามที่จะสูญเสียตลาดในบ้านให้แก่ค้าปลีกไทย



+++พลตำรวจตรีภาณุรัตน์ หลักบุญ ผู้บังคับการตำรวจสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษหรือ 191 แถลงจับกุมนายวิทูรย์ บริสุทธิ์ อายุ 42 ปี คนขับรถแท็กซี่ สีเขียวเหลือง ทะเบียน 1 มก 1040 กรุงเทพมหานคร หลังทิ้งผู้โดยสารชาวฟิลิปปินส์ อายุ 80 ปี พร้อมกระเป๋าเดินทาง บริเวณเลียบถนนมอเตอร์เวย์ขาเข้า เขตประเวศ เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ ช่วงเวลา 17.00 น. แล้วได้รับความช่วยเหลือจากสายตรวจ 191 ขณะออกตรวจท้องที่ เบื้องต้น ทราบว่าชายคนดังกล่าวเดินทางมาจากลอนดอน ประเทศอังกฤษ เตรียมต่อเครื่องไปกรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ แต่ไม่ทราบว่าสาเหตุใดจึงเดินทางออกจากสนามบิน จนตกเครื่องบินในเที่ยวบินวันดังกล่าว พอตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด พบรถแท็กซี่คันดังกล่าวเป็นผู้รับผู้โดยสารต่างชาติ จึงนำมาสอบสวนและเปรียบเทียบปรับเป็นเงิน 2,000 บาท ในข้อหาขับรถสาธารณะทอดทิ้งผู้โดยสารระหว่างทาง ตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2552 ทั้งนี้จากสถิติสายด่วน 1155 กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว พบว่า มีประชาชนร้องเรียนเรื่องรถแท็กซี่ปฏิเสธรับผู้โดยสารกว่า 100 คนต่อวัน โดยเฉพาะบริเวณเซ็ลทรัลเวิลด์ , วัดพระแก้ว และสีลม และบางส่วนปล่อยทิ้งผู้โดยสาร ซึ่งจะหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ปัญหาต่อไป

ข่าวทั้งหมด

X