*สำนักภาษีอากร พิจารณาสำนวนคดีรถหรูสมเด็จช่วง ก่อนเชิญฝ่ายเกี่ยวข้องให้ข้อมูล*

หลังจากที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) รับเรื่องคดีรถหรูของสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ หรือ สมเด็จช่วง เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ เป็นคดีพิเศษ พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผู้อำนวยการศูนย์บริหารคดีพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ ในฐานะรองโฆษกดีเอสไอ กล่าวถึง เรื่องที่ทนายวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ แจ้งว่าจะเข้าให้ข้อมูลเพิ่มเติมกับพนักงานสอบสวน ไม่ทราบข้อมูลที่ชัดเจนว่าได้ติดต่อพนักงานสอบสวนเข้ามาหรือไม่ เพราะเมื่อคดีโอนไปที่สำนักภาษีอากรจะต้องไปตรวจสอบและเชิญพยานที่เกี่ยวข้องมาสอบเช่นกัน ส่วนสัปดาห์นี้จะมีการเชิญ สมเด็จช่วง เข้ามาให้ปากคำหรือไม่ เป็นเรื่องที่พนักงานสอบสวนสำนักงานภาษีอากรซึ่งรับเรื่องต้องพิจารณาสำนวนคดีก่อนพร้อมวางแผนจะดำเนินการอย่างไร คงจะกำหนดระยะเวลาไม่ได้ ต้องให้เวลาพิจารณาสำนวน ส่วนกรณีวัดปากน้ำภาษีเจริญ ไม่คืนรถให้ดีเอสไอหรือไม่ ขณะนี้ยังไม่มีความคิดเห็นจากคณะพนักงานสอบสวนจนกว่าจะได้เห็นพยานหลักฐานในชั้นสอบสวน

พนักงานสอบสวนที่เป็นผู้รับผิดชอบคือสำนักคดีภาษีอากร จะรับสำนวนไปดำเนินการสอบสวนต่อ  ขณะที่ สำนักคดีเทคโนโลยี ซึ่งเป็นหน่วยงานทำหน้าที่สืบสวนในชั้นต้น จะมีคำกล่าวโทษชี้ประเด็นในการสืบสวนพบความผิดในประเด็นเรื่องอะไร บุคคลใดเกี่ยวข้องบ้าง พร้อมส่งสำนวนพยานหลักฐานไปให้สำนักคดีภาษีอากรเพื่อดำเนินการสอบสวน โดยทางสำนักคดีภาษีอากรจะรวบรวมพยานหลักฐานตามคำกล่าวหาก่อนและถ้าตรวจสอบเห็นว่ามีความผิดเพียงพอก็จะมีการแจ้งข้อกล่าวหาผู้ที่ถูกกล่าวหา ขั้นตอนต่อไป คือการแจ้งข้อกล่าวหา ฝ่ายผู้ถูกกล่าวหามีสิทธิ์จะนำพยานหลักฐานที่ตัวเองคิดว่าบริสุทธิ์มาหักล้างในชั้นการสอบสวนได้ และ พนักงานสอบสวนจะพิจารณาหลักฐานทั้งสองฝ่ายและจะส่งให้อัยการดำเนินการต่อ เบื้องต้น คาดว่า จะใช้เวลาประมาณ 2-3 เดือนในการสอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดส่วนการสอบสวนเจ้าหน้าที่ทำทุกประเด็นทั้งหมดที่เกี่ยวกับพยานหลักฐานซึ่งสำนักงานภาษีอากรเอาสำนวนไปพิจารณาเสร็จเรียบร้อยแล้วจะวางแผนการทำงานเพื่อออกมาเป็นรายละเอียด