+++นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวในระหว่างการบรรยายพิเศษถวายความรู้แด่พระสังฆาธิการ ที่วัดสามพระยา เช้าวันนี้ว่าได้รับข้อความจากนายกรัฐมนตรี ที่มีความเป็นห่วงและไม่สบายใจในเรื่องความขัดแย้งในวงการสงฆ์ สั่งการให้ไปหาทางออกเรื่องนี้ และให้แก้ปัญหาความขัดแย้งของคณะสงฆ์ให้มีความผ่อนคลายให้เกิดความเข้าใจกัน ซึ่งไม่มีความจำเป็นที่จะต้องมีการดีเบตผ่านสื่อมวลชนให้เกิดความขัดแย้งขึ้นอีก แต่ทั้งหมดนี้ นายกรัฐมนตรีก็เคารพความเห็นของทุกฝ่าย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ปฎิเสธจะให้สัมภาษณ์กรณีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) แถลงข่าวการครอบครองรถหรูของสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ กล่าวว่า ให้เป็นไปตามกระบวนการของกระทรวงยุติธรรม
+++การแถลงของดีเอสไอ พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผู้อำนวยการศูนย์บริหารคดีพิเศษ ในฐานะรองโฆษกดีเอสไอ ชี้แจงว่า การแถลงรถยนต์หรูเบนซ์ หมายเลขทะเบียน ขม 99 ที่สมเด็จช่วง หรือพระมหารัชมังคลาจารย์ มีชื่อเป็นผู้ครอบครอง เป็นการตรวจสอบพบว่ารถคันนี้ เปลี่ยนหมายเลขทะเบียนเป็น งค 1560 หลังจากนี้ต้องสืบสวนขยายผลไปยังผู้ครอบครองถึงขั้นตอนการมาของรถ และขบวนการต่างๆในการปลอมแปลงเอกสาร จะเห็นได้ว่า ไม่ถูกต้องตั้งแต่ขั้นตอนแรกก็ไม่ถูกต้องไปหมด เริ่มจากการนำชิ้นส่วน บริษัท หจก.อ๊อด 89 เอ็นเตอร์ไพรส์ (ประเทศไทย) จำกัด นำเข้าจากสหรัฐฯ ผ่านสองบริษัทชิปปิ้งแต่แยกชิ้นส่วนมากันคนละบริษัท แต่สุดท้ายบริษัท หจก. อ๊อด 89 ก็ไปนำชิ้นส่วนมารวมกัน ดีเอสไอ ตั้งข้อสังเกตว่าอาจจะมีเจตนาเลี่ยงภาษีหรือไม่ ตามพ.ร.บ.ศุลกากร จะดำเนินการสอบสวนต่อไป
+++ จากนั้น กระบวนการประกอบรถ บริษัทดังกล่าว นำไปให้อู่วิชาญ ดำเนินการ แต่อู่วิชาญ ไม่ได้จดทะเบียนเป็นผู้ประกอบรถ ดีเอสไอ ระบุว่า ทั้งสองส่วนดำเนินการ เป็นไปตามกับการสั่งซื้อของ หลวงพี่แป๊ะ หรือ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ประกอบกับการตรวจสอบชิ้นส่วนอุปกรณ์อะไหล่ส่วนควบ มาจากบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง แต่เมื่อไปตรวจสอบไม่พบว่ามีตัวตน ทั้งนี้ เงินที่พระชั้นผู้ใหญ่จ่ายไป จ่ายให้สองส่วนคือ หจก. อ๊อด 89 และอู่วิชาญ ส่วนขั้นตอนการจดทะเบียนปลอมเอกสารทั้งหมด พบว่า นายชลัช เป็นคนนำเอกสารชิ้นนี้ไปยื่นเสียภาษีสรรพสามิต โดยการปลอมลายมือชื่อนางกาญจนา เจ้าของอู่ N.P. การาจ และนายสมนึก นำรถยนต์ไปจดทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบก โดยมีการปลอมและใช้เอกสารที่มีลายมือชื่อของนางกาญจนาในแบบคำขอโอนและรับโอนของกรมการขนส่งทางบก จากนางกาญจนาไปยังสมเด็จช่วง หรือที่เรียกว่าการโอนลอยเพื่อแสดงว่าบริษัทของนางกาญจนา เป็นผู้ขายรถยนต์ต่อให้สมเด็จช่วง ซึ่งในขั้นตอนนี้นายสมนึกเปรียบเสมือนคนรับจ้างจดทะเบียน โดยมีการชี้แจงจากนายสมนึกว่าเอกสารต่างๆที่ได้รับมามีลายเซนต์ของสมเด็จช่วงตั้งแต่ต้น
+++แสดงให้เห็นว่า เป็นการปลอมแปลงทั้งหมด ดีเอสไอ จึงเห็นว่า ใน 4 ขั้นตอนคือ นำเข้า ประกอบรถ เสียภาษีสรรพสามิต และการจดทะเบียน เป็นการกระทำที่ไม่ชอบ น่าจะเข้าความผิดกฎหมายหลายเรื่อง ทั้งพ.ร.บ.ศุลกากร พ.ร.บ.สรรพสามิต แจ้งข้อมูลอันเป็นเท็จ ไม่ว่ารถคันนี้ไปอยู่กับใคร ผลการสอบก็เป็นเช่นนี้ สำหรับรถจดประกอบคันดังกล่าวนี้จะยังคงอยู่ในการครอบครองของสมเด็จช่วง จนกว่ากระบวนการสอบสวนจะแล้วเสร็จ
+++พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคงและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึง ข้อเสนอของแกนนำพรรคเพื่อไทยที่ต้องการให้รัฐบาลจัดเวทีแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญ ผ่านรายการโทรทัศน์โดยมีตัวแทนพรรคการเมือง ตัวแทนสื่อมวลชนและตัวแทนประชาชนเข้าร่วม ว่า ยังไม่ได้หารือกัน ต้องรอ นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.) และกรธ.จัดทำร่างรัฐธรรมนูญที่สมบูรณ์เสร็จก่อน เชื่อว่ายังมีเวลาพิจารณาได้ก่อนจะทำประชามติ
+++รองนายกรัฐมนตรี ปฏิเสธที่จะตอบคำถามกรณีการแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราชองค์ใหม่ โดยระบุว่า เป็นฆราวาส เรื่องนี้ต้องรอนายกรัฐมนตรีกลับมาดำเนินการ เพราะทุกอย่างมีกติกา แต่หากคุยกันไม่รู้เรื่องต้องว่าไปตามกฎหมาย ทั้งนี้ ไม่ต้องการให้ทะเลาะกัน เพราะไม่ว่าจะทะเลาะกันเรื่องใดจะกระทบกับความมั่นคงทั้งหมด
+++สถานการณ์คาร์บอมบ์ที่กรุงอังการา ตุรกี สถานเอกอัคราชทูตไทย ณ กรุงอังการา ประเทศตุรกี เปิดเผยว่า เป็นระเบิดรถยนต์ มีผู้เสียชีวิต และบาดเจ็บจำนวนมาก ตรวจสอบแล้ว ไม่มีคนไทยได้รับผลกระทบ สถานเอคอัคราชทูตไทย ณ กรุงอังการา ประเทศตุรกี ได้ประกาศผ่านทางเฟซบุ๊คของสถานทูตฯ ว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ เวลาประมาณ 18.30 น. ตามเวลาท้องถิ่น ใกล้ค่ายทหาร ย่านกิซิเล (Kizilay)
CR:CNN