*สมคิดแจงสนช.เพิ่มงบฯ5.6 หมื่นล้าน/นักลงทุนแถลงจุดยืนอินไซเดอร์ ซีพี ออลล์/ดันไทยเป็นฮับท่องเที่ยวในอาเซียน*

18 กุมภาพันธ์ 2559, 08:56น.


+++การพิจารณางบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปี 2559 ที่รัฐบาลจัดงบประมาณเพิ่มเติมขึ้นมาอีก 5.6 หมื่นล้านบาท นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี จะทำหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรีเพื่อชี้แจงความจำเป็นในการตั้งงบกลางปีต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.)



+++นายสมคิด ชี้แจงก่อนหน้านี้ว่าประเด็นที่จะชี้แจงคือการจัดสรรงบประมาณผ่านมาตรการที่จะทยอยเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ คือ การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของชุมชนผ่านกองทุนหมู่บ้าน 3.5 หมื่นล้านบาท ตามแนวนโยบายประชารัฐ  โครงการลงทุนแหล่งท่องเที่ยวในท้องถิ่น ซึ่งจะใช้เงินบางส่วนมาจากเงินขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) เงินลงทุนในโครงการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงทั่วประเทศ 1.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะใช้งบประมาณจากงบกลางปี จำนวน 5.6 หมื่นล้านบาท ในวันนี้จะชี้แจงต่อสนช.



+++การประชุมของสมาคมบริษัทจัดการลงทุน ก่อนจะออกมาแถลงท่าทีและจุดยืนของผู้ลงทุนสถาบันในกรณีที่มีกรรมการบริหารของบริษัท ซีพี ออลล์ ใช้ประโยชน์จากข้อมูลภายใน ในการซื้อขายหลักทรัพย์ โดยครั้งนี้จะมีนักลงทุนสถาบันรายใหญ่ในประเทศ เช่น กบข. กองทุนประกันสังคม บริษัทประกัน และผู้บริหารบริษัทจัดการหลักทรัพย์ ร่วมประชุมเพื่อแสดงจุดยืนในการลงทุน



+++เรื่องการท่องเที่ยว นายสมคิด ประชุมมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยว ว่า ได้ให้การบินไทย ไทยสมายล์และไทยแอร์เอเชีย ฯลฯ ไปหารือร่วมกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ในการหาแนวทางออกแบบแพ็กเกจท่องเที่ยวเชื่อมอาเซียนร่วมกัน ภายใต้แนวทาง อาเซียน คอนเน็ค เพื่อผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลาง (ฮับ) ด้านการท่องเที่ยวในอนาคต จะมีการหารือในวันพรุ่งนี้ โดยสร้างเส้นทาง เชื่อมโยงกัน ระหว่างกัมพูชา ลาว พม่า เวียดนาม (ซีแอลเอ็มวี) และประเทศอื่นๆ ขณะเดียวกัน ให้นักท่องเที่ยวต่างภูมิภาค ทั้งยุโรป สหรัฐฯ เข้ามาเที่ยวกลุ่มประเทศอาเซียนมากขึ้น และประเทศอื่นๆ ซึ่งภาคการบินจะต้องเข้ามาช่วยขับเคลื่อนด้วยการเปิดเส้นทางบินใหม่ โดยมี ททท.ทำการตลาด ประชาสัมพันธ์ให้นักท่องเที่ยวรับทราบ คาดว่าจะเห็นผลเป็นรูปธรรมในช่วงเดือนพฤษภาคม 2559 เช่นเพิ่มเที่ยวบิน 4 เส้นทาง คือ กรุงเทพฯ-ย่างกุ้ง, กรุงเทพฯ- เวียงจันทน์, กรุงเทพฯ-พนมเปญ และกรุงเทพฯ-ฮานอย  เพิ่มเส้นทางการบินใหม่ เช่น มัณฑะเลย์-เชียงใหม่-หลวงพระบาง, หลวงพระบาง-อุดรธานี-เสียมเรียบ,เสียมเรียบ-อุบลราชธานี- ดานัง  และสมุย-สีหนุวิลล์



+++นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ ททท. กล่าวว่า แพคเกจท่องเที่ยวอาเซียนคอนเน็ก มีเป้าหมายจับตลาดที่มีฐานะร่ำรวยอายุ 18 ปีขึ้นไป ให้หันมาเที่ยวประเทศเพื่อนบ้าน มากขึ้น และยอมรับเมื่อแพคเกจนี้ออกมาอาจส่งผลให้ จำนวนวันพักในเมืองไทยลดน้อยลง แต่จะมากน้อยเท่าใด ขณะนี้ยังไม่สามารถประเมินได้ แต่การท่องเที่ยวดังกล่าว จะสร้างความยั่งยืนต่อภาคการท่องเที่ยวระยะยาว ลดความเสี่ยงจากการพึ่งตลาดใดตลาดหนึ่งมากไป



+++สถานการณ์ของสายการบินนกแอร์ นายพาที สารสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการบินนกแอร์ จำกัด กล่าวถึงการสอบสวนภายในกรณีนักบินระดับผู้บริหาร 7 คน ว่านักบิน 2 คน คือ นายสัญญา ลิ้มประเสริฐ ผู้อำนวยการแผนกทดสอบและพัฒนาการบิน และ นายวิรุณ มหิทธิกุล ผู้อำนวยการแผนกเอกสารการบินและรัฐสัมพันธ์ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ ที่เกิดขึ้น จึงให้กลับเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ ส่วนผลสรุปการสอบสวนนักบินทั้งหมดคาดว่าจะใช้เวลาอีก 1-2 วัน ชดเชยให้ผู้โดยสาร ตามหลักการของสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย(กพท.) แล้วกว่าร้อยละ 40 ยังมีผู้โดยสารบางส่วนที่ยังไม่สามารถติดต่อได้



+++นายออมสิน ชีวะพฤกษ์ รัฐมนตรีช่วย ว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ได้ให้นกแอร์ขยายเวลาในการส่งต่อผู้โดยสารไปยังสายการบินอื่นในรูปแบบเช่าเหมาลำ(ชาร์เตอร์ไฟล์ต) เพิ่มเติม จากเดิมถึงวันที่ 18 ก.พ. เป็นถึงวันที่ 22ก.พ.นี้ เนื่องจากเห็นว่าเป็นช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ผู้โดยสารจะเดินทางค่อนข้างมาก และอาจได้รับผลกระทบ



+++นายอาคม  เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เยี่ยมสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย และกรมท่าอากาศยาน ปรับแผนตามมาตรฐานการบิน



+++ร่างรัฐธรรมนูญ มีรายงานระบุว่า คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.) มีการหารือกันนอกรอบเกี่ยวข้องประเด็นจะแก้ไขในร่างรัฐธรรมนูญ โดยได้ข้อสรุปว่าจะแก้ไขหลายประเด็น เช่น สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) จะให้มาจากการสรรหาทั้งหมด กำลังหาช่องทางว่าจะให้มีอำนาจแต่งตั้งและถอดถอน หรือลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีด้วยหรือไม่ นอกจากนี้ ยังจะกำหนดให้ยุบพรรคการเมืองทั้งหมดแล้วตั้งใหม่ รวมทั้งให้สมัคร ส.ส.โดยไม่สังกัดพรรคได้ และเพื่อทำลายภาคนิยมและไม่ให้พรรคการเมืองผูกขาดทั้งภาคเหมือนอดีต จะกำหนดให้เลือก ส.ส.เขตใหญ่ โดย 1 เขตมี ส.ส.ได้ 3 คน แต่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งสามารถเลือกได้เพียง 1 คน ใครคะแนนสูงสุด 3 ลำดับให้เป็น ส.ส.ในเขตเลือกตั้งนั้น เพื่อให้ 1 เขตมี ส.ส.จากพรรคการเมืองอื่นๆ คละกัน ส่วนที่มาของนายกรัฐมนตรี กรธ.ยังเห็นว่า การให้พรรคการเมืองประกาศชื่อบุคคล 3 ชื่อ เพื่อให้สภาผู้แทนราษฎรเลือกนั้นเป็นระบบที่ดีแล้ว



+++คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) เตรียมความพร้อมด้านยุทธศาสตร์รองรับและจัดทำศูนย์ประชามติ  นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง กล่าวว่า กกต.จะพิมพ์รัฐธรรมนูญฉบับเต็ม 1.2 ล้านเล่ม กระจายไปยังจุดต่างๆ ที่ประชาชนจะเข้าถึงได้ เป็นเอกสารสรุปสาระสำคัญของรัฐธรรมนูญ 20 หน้า 6 ล้านเล่ม และสรุปย่อสาระสำคัญ 17 ล้านเล่ม ตัวเลขงบประมาณขณะนี้อยู่ที่ 170 ล้านบาท จากเดิม 800 ล้านบาท กกต.ขอรัฐบาล 200 ล้านบาท ที่เหลือ 30 ล้านบาทอาจพิมพ์เพิ่มส่งถึงครัวเรือนที่มีสิทธิลงประชามติ ทุกครัวเรือน ส่งไปพร้อมเอกสารแจ้งเจ้าบ้าน นอกจากนี้จะมีแอพพลิเคชั่น ตั้งชื่อแอพพ์ฉลาดรู้ ให้ความรู้เรื่องรัฐธรรมนูญทั้งยากทั้งง่าย ตั้งใจว่าถ้ารัฐธรรมนูญไม่แก้ไขมากจะออกสู่ประชาชนได้กลางเดือนเมษายนก่อนสงกรานต์



+++คดีจำนำข้าว หลังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดไต่สวนพยานโจกท์ อัยการสูงสุด ฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กรณีปล่อยปละละเลยให้เกิดการทุจริต ศาลกำชับให้คู่ความระมัดระวังการให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับคดี อย่าให้สัมภาษณ์ที่เป็นการชี้นำหรือบิดเบือนที่จะมีผลต่อกระบวนพิจารณาคดีซึ่งจะเป็นการกระทำละเมิดอำนาจศาล ศาลอาจจะพิจารณาเรื่องการประกันตัวของจำเลยหรือมีคำสั่งอย่างหนึ่งอย่างใด จากนั้นศาลนัดไต่สวนพยานโจทก์อีกครั้ง ในวันที่ 26 ก.พ. นี้ โดยไต่สวน 3 ปาก



+++น.ส.สุภา ปิยะจิตติ กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และอดีตรองปลัดกระทรวงการคลัง พยานปากที่ 2 ได้ชี้แจงต่อศาลยืนยันว่าเคยเตือนรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์หลายครั้งว่าโครงการดังกล่าวเปรียบเหมือนระเบิดเวลาที่จะส่งผลเสียอย่างมาก โครงการดังกล่าวใช้งบประมาณเกินกรอบงบที่ตั้งไว้จำนวน 5แสนล้านบาท และยังนำเงินจากโครงการระบายข้าวมาใช้แทนการชำระหนี้จากโครงการเดิม รวมถึงยังสวมสิทธิ์นำข้าวมาจากประเทศกัมพูชาและเมียนมา เข้ามาระหว่างปิดบัญชีของโครงการด้วย ซึ่งศาลให้ฝ่ายจำเลยไปหาคำตอบเรื่องนี้ว่าคณะรัฐมนตรีใช้อำนาจใดดำเนินการ



+++ด้านนายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง ทนายความ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ให้สัมภาษณ์เพียงสั้น ๆ เรื่องการนัดหมายครั้งต่อไป แต่เรื่องเนื้อหาคดีและพยานในคดีศาลได้กำชับไว้ ก็ระมัดระวังการให้สัมภาษณ์อยู่แล้ว เพราะเข้าใจในกระบวนการพิจารณา



+++คดีระเบิดแยกราชประสงค์ ศาลท้าวมหาพรหม แยกราชประสงค์ และท่าเรือสาทร พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวน  สั่งการให้กองคดีตรวจสอบคำให้สัมภาษณ์ของนายชูชาติ กันภัย ทนายความจำเลยว่ากระทบความมั่นคงอย่างไร ทำลายชื่อเสียงประเทศหรือไม่ ทำให้ตำรวจเสียหายอย่างไร หรือมีลักษณะดูหมิ่นเจ้าพนักงานหรือไม่ หากเข้าข่ายใดต้องดำเนินคดี ทั้งกฎหมายความมั่นคงและกฎหมายอาญา ยืนยันว่าพนักงานสอบสวน ทำสุดแล้ว รวบรวมพยานหลักฐานทั้งบุคคล วัตถุ เอกสาร จนส่งสำนวนให้อัยการสั่งฟ้องไปแล้วทุกข้อหา แม้จำเลยปฏิเสธก็ไม่เป็นผลต่อคดีเพราะหลักฐานแน่นหนา



 



 

ข่าวทั้งหมด

X