+++ลงนามถวายพระพร นายดิสธร วัชโรทัย รองเลขาธิการพระราชวัง แจ้งว่า สำนักพระราชวังเปิดให้ประชาชนลงนาม ถวายพระพรแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ศาลาสหทัยสมาคม ภายในพระบรมมหาราชวัง ตั้งแต่วันที่ 18 กุมภาพันธ์ เวลา 08.30-16.30 น. เป็นต้นไปทุกวัน ไม่เว้น วันหยุดราชการ
+++เสร็จสิ้นภารกิจการประชุมสหรัฐ-ผู้นำอาเซียน บ่ายวันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)เดินทางถึงไทย หลังจากที่พล.อ.ประยุทธ์ เปิดเผยระหว่างการประชุมสุดยอดอาเซียนสหรัฐ สมัยพิเศษ ที่สหรัฐฯ จะเชิญผู้ที่เห็นต่างมาพูดคุย (ดีเบต) ให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสินใจ หากทุกคนหวังดีและต้องการให้ศาสนาพุทธ ซึ่งเป็นศาสนาประจำชาติ เป็นที่เคารพนับถือ ไม่ว่าจะเป็นมหาเถรสมาคม (มส.) รัฐบาล กลุ่มผู้เห็นต่าง ต้องไปหาทางออก ตามแนวทางพระธรรมวินัยให้ได้ข้อยุติ เพราะหากส่งเรื่องมายังรัฐบาล ก็ต้องดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย และขอให้ทุกฝ่ายอย่าเคลื่อนไหว
+++มีรายงานว่า องค์กรพลังชาวพุทธ (อพพ.) โดยนายอัยย์ เพชรทอง ประธานองค์กรฯ ออกแถลงการณ์ ระบุว่า ตามที่พระพุทธะอิสระ เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.พุทธมณฑล ให้ดำเนินคดีแก่พระเมธีธรรมมาจารย์ ฐานจัดให้มีการชุมนุมสาธารณะในพื้นที่พุทธมณฑล เป็นการผิดต่อ พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ พ.ศ. 2558 ทำให้ในวันที่ 18 ก.พ. เวลา 09.30 น. องค์กรพลังชาวพุทธ จะเข้าร้องทุกข์กล่าวโทษพระพุทธะอิสระ ที่ สภ.พุทธมณฑล ฐานกระทำความผิดแจ้งความอันเป็นเท็จต่อเจ้าพนักงานด้วย
+++พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.) เปิดเผยว่า พนักงานสอบสวนกองบัญชาการตำรจภูธรภาค 7 เตรียมออกหมายเรียกกลุ่มพระสงฆ์และฆราวาส ที่เคลื่อนไหวชุมนุมที่พุทธมณฑล มาให้ถ้อยคำ เนื่องจาก มีพยานหลักฐานชัดเจนว่ามีบุคคลใดเป็นแกนนำ หรือผู้เกี่ยวข้องในการชุมนุมบ้าง เชื่อว่า ภายในสัปดาห์นี้จะมีความชัดเจนว่าจะมีการแจ้งข้อกล่าวหากับบุคคลใดหรือไม่
+++พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) แถลงผลการตรวจสอบรถยนต์โบราณเบนซ์ที่มีชื่อสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ หรือสมเด็จช่วง เจ้าอาวาสวัดปากน้ำภาษีเจริญ เป็นผู้ครอบครอง หลังการแถลงของดีเอสไอแล้ว มีรายงานข่าวกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กรมศุลกากรและกรมสรรพสามิต จะดำเนินการเข้าตรวจสอบการเสียภาษีนำเข้าและภาษีสรรพสามิตของรถคันดังกล่าว
+++อีกด้าน นายศุภภัทร์พจน์ นิติศธร ฝ่ายกฎหมายวัดปากน้ำ กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ระบุว่า รถยนต์คันดังกล่าวนำเข้าไม่ถูกต้องตามกฎหมายว่า กระบวนการนำเข้าอะไหล่เพื่อมาประกอบรถยนต์เป็นเรื่องของอู่วิชาญ และผู้นำเข้าทั้งหมด ไม่มีขั้นตอนใดที่เกี่ยวข้องกับผู้บริจาค และสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ทั้งสิ้น โดยขั้นตอนทั้งหมดเริ่มจากที่ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดปากน้ำฯได้ไปเห็นซากรถคันดังกล่าว และได้ว่าจ้างอู่วิชาญให้ประกอบรถขึ้น โดยบอกว่าให้ทำอย่างใดก็ได้ให้ซากรถคันนี้เป็นรถที่จดทะเบียนได้ จากนั้น ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดปากน้ำฯ และอู่วิชาญได้ตกลงราคาในการซ่อมรถเป็นเงิน 4 ล้านบาท แบ่งจ่ายเป็น 3 งวด เมื่อตกลงกันเสร็จ ทางอู่เริ่มซ่อมรถ และมอบให้บุคคลอีก 2 รายเป็นผู้นำเข้าอะไหล่ โดยมาเบิกเงินกับทางอู่ หากการนำเข้ารถยนต์ และอะไหล่ผิดกฎหมายจริง ก็เป็นเรื่อง ดีเอสไอ จะต้องตรวจสอบ และดำเนินการเอาผิดกับผู้นำเข้า และหน่วยงานราชการ อาทิ กรมศุลกากร กรมสรรพสามิต และกรมการขนส่งทางบก โดยเฉพาะกรมสรรพสามิต และกรมศุลกากร ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ต้องตรวจสอบ และประเมิน รวมถึง เรียกเก็บภาษีสินค้าที่นำเข้าทุกชนิด
+++นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ต้องรอดูรายละเอียดที่ดีเอสไอจะแถลงวันนี้ก่อน คงต้องแยกประเด็นเรื่องรถ กับเรื่องผู้ครอบครองออกจากกันให้ชัดเจน เมื่อถามว่าเรื่องดังกล่าวจะส่งผลต่อการพิจารณารายชื่อแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ 20 หรือไม่ นายสุวพันธุ์กล่าวว่า ต้องเข้าใจก่อนว่าเป็นคนละกระบวนการกัน เรื่องการเสนอชื่อนั้นถึงวันนี้ยังอยู่ที่รัฐบาล อยู่ที่ตัวเอง ต้องพิจารณาในประเด็นเรื่องกฎหมาย เรื่องในสังคม และความเป็นไปในคณะสงฆ์ที่ต้องดูหลายเรื่องประกอบกัน
+++พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวว่า นอกจากการชี้แจงประเด็นครอบครองรถหรูของสมเด็จช่วงแล้ว ในวันนี้ ดีเอสไอจะชี้แจงความคืบหน้าและสรุปภาพรวมคดีสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด ด้วย
+++พ.ต.อ.ไพสิฐ กล่าวว่า คดียักยอกทรัพย์สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด ในส่วนของการสั่งจ่ายเช็คของสหกรณ์ ไปยังกลุ่มบุคคลต่าง ๆ 878 ฉบับว่า ในสัปดาห์หน้าจะทยอยแจ้งข้อกล่าวหาทุกกลุ่ม ที่ไม่ได้มีมูลหนี้ต่อกัน โดยจะมีทั้งข้อหาฟอกเงิน และรับของโจร แยกเป็นรายกลุ่ม ซึ่งการทำคดีดังกล่าว ดีเอสไอไม่ได้มองเฉพาะตัวบุคคล หรือวัด แต่จะตรวจสอบทุกกลุ่ม และพิจารณาในรายละเอียดว่ารับเช็คไปอย่างไร ส่วนใครจะโดนข้อหารับของโจรหรือฟอกเงิน ขึ้นอยู่กับพฤติกรรม
+++การตรวจสอบโครงการอุทยานราชภักดิ์ จ.ประจวบคีรีขันธ์ นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน กล่าวถึงการตรวจสอบเรื่องที่มาของเงินบริจาค 20 ล้านบาท ว่า เซียนพระชื่อย่อ อ. ได้เข้ามาชี้แจงที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) สาระสำคัญคือชี้แจงกิจกรรมที่เกี่ยวพันกับโรงหล่อ 5 แห่ง ซึ่งเซียน อ. เป็นที่ปรึกษา คือเป็นผู้เสนอแนะ อำนวยความสะดวก และช่วยเหลือการดำเนินงานให้เสร็จภายในเวลาที่เร่งรัด โดยโรงหล่อดังกล่าว จ่ายเงินให้เซียนพระ อ. ในลักษณะทยอยจ่ายเงิน รวม 20 ล้านบาท ทางเซียนพระ อ. จึงปรึกษากับผู้ใหญ่ว่าจะนำเงิน 20 ล้านบาท ไปสร้างวัด แต่สุดท้ายได้รับคำแนะนำว่า ให้ไปบริจาคให้กองทุนสวัสดิการราชภักดิ์แทน ซึ่งเช็คเงิน 20 ล้านบาท เป็นของบริษัท สยามปุระ จำกัด โดยเซียน อ. ให้กองทุนฯ ออกใบเสร็จในนามโรงหล่อทั้ง 5 แห่ง ยืนยันว่าการหล่อองค์จำลองสมเด็จพระบูรพกษัตริย์ทั้ง 7 พระองค์ มาจากเงินบริจาคทั้งหมด และค่าใช้จ่ายต่างๆ อยู่ในเกณฑ์ที่รับได้ เมื่อตรวจสอบบัญชีรับบริจาคแล้ว พบว่ากระบวนการเป็นไปตามระเบียบ และได้เสนอให้ประธานศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) ชี้แจงให้ได้รับทราบข้อเท็จจริง
+++กรณีศาลปกครอง มีคำสั่งให้กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) จ่ายเงินค่าชดเชยความเสียหายวงเงิน 9,000 ล้านบาท ให้แก่กลุ่มกิจการร่วมค้า เอ็นวีพีเอสเคจี ที่เป็นผู้รับเหมาก่อสร้างโครงการก่อสร้างระบบบำบัดน้ำเสียคลองด่าน จ.สมุทรปราการ เนื่องจาก คพ.บอกเลิกสัญญาโครงการดังกล่าว จากนั้นคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติวงเงินและชำระงวดแรกไปแล้ว 4,000 ล้านบาท พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รัฐมนตรี ทส. แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนว่าข้าราชการและผู้บริหารระดับสูงของ ทส.คนใดต้องรับผิดชอบในการยกเลิกสัญญาก่อสร้างโครงการระบบบำบัดน้ำเสียคลองด่าน ล่าสุด คณะกรรมการชุดดังกล่าวได้มีหนังสือถึงนายประพัฒน์ ปัญญาชาติรักษ์ อดีตรัฐมนตรี ทส. ซึ่งเป็นผู้สั่งยกเลิกสัญญา และคณะกรรมการตรวจสอบและเสนอแนะการบริหารโครงการจัดการน้ำเสียเขตควบคุมมลพิษ จ.สมุทรปราการ อีก 5 คน ให้บุคคลเหล่านี้มาพบคณะกรรมการสอบสวนฯเพื่อสอบหาข้อเท็จจริง เนื่องจากมีส่วนเกี่ยวข้องและอาจจะต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้คพ.ด้วย
+++นายประพัฒน์ แถลงว่าตอนที่เป็นรัฐมนตรี ทส. ตรวจสอบพบว่าโครงการนี้ทุจริต สั่งยุติโครงการ แต่พอถึงวันนี้ ทส.กลับมีหนังสือเหมือนจะกล่าวหาว่ามีส่วนร่วมในการทุจริต รู้สึกงง และเสียใจอย่างยิ่ง ยืนยันว่า จะต่อสู้จนถึงที่สุด