*รอผลDSIแถลงรถหรูสมเด็จช่วงพรุ่งนี้/ตอบรับดีเบตปัญหาสงฆ์/ดีเซลขึ้นราคาพรุ่งนี้*

17 กุมภาพันธ์ 2559, 18:39น.


*สรุปข่าว 19.35น*  



+++ นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) กล่าวถึงผลการตรวจสอบของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ที่พบว่ารถยนต์โบราณยี่ห้อเมอร์เซเดส-เบนซ์ ขม 99 ของสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (สมเด็จช่วง) เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ภาษีเจริญนำเข้าผิดกฎหมายว่า ต้องรอดูรายละเอียดที่ดีเอสไอจะแถลงในวันที่ 18 ก.พ. รวมถึงถึงเรื่องรถและผู้ครอบครองด้วย ต้องฟังรายละเอียดทั้งหมดถึงจะเข้าใจเรื่องราว ส่วนนนายกรัฐมนตรีเสนอให้เปิดเวทีดีเบตของทั้งสองฝ่าย นายสุวพันธุ์ กล่าวว่า คงต้องรอให้นายกฯกลับมาก่อน นายกฯเจตนาดี อยากให้ทุกอย่างมันหยุด เราอยากเห็นเรื่องของพระพุทธศาสนาถูกตั้งไว้ในที่สูง อยากให้เราลองหยุดสักครู่แล้วคิดว่าบทบาทที่พุทธศาสนิกชนควรมีต่อพุทธศาสนาเป็นอย่างไร ถึงจะทำให้พระพุทธศาสนามั่นคงยั่งยืนในสังคมไทยตลอดไป ทั้งนี้ พระมหาเถระชั้นผู้ใหญ่และพระที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบเป็นหมื่นเป็นแสนรูปในขณะนี้อาจกำลังเศร้าที่เรื่องของพระไปอยู่บนสื่อ จึงอยากให้สื่อคิดว่าบทบาทของสื่อควรเป็นอย่างไร ถึงจะเป็นการดีต่อพระที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ หากยึดหลักกฎหมายและพระวินัยอย่างตรงไปตรงมาจะเป็นการดีต่อสังคม



+++ส่วนที่มี ฝ่ายการเมืองอยู่เบื้องหลังการเคลื่อนไหวดังกล่าวเพื่อกดดันรัฐบาล นายสุวพันธุ์ กล่าวว่า สื่อคงเข้าใจกันดี เพราะเห็นผู้มีส่วนร่วมแล้วต่างก็รู้ว่าใครเป็นใคร การชุมนุมเมื่อวันที่ 15ก.พ. ทุกฝ่ายคงได้บทเรียนที่สำคัญ เมื่อถามย้ำว่า กังวลว่าเป็นการกดดันการทำงานของรัฐบาลหรือไม่ นายสุวพันธุ์ กล่าวว่า คงเป็นการกดดันตน ปัญหาบ้านเรามีหลายเรื่อง วิธีแก้ปัญหาก็มีทั้งการสร้างสรรค์และทำลาย ถ้าแก้อย่างสร้างสรรค์จะมีทางออก แต่ถ้าแก้ปัญหาเชิงทำลายอาจทำให้ปัญหาขยายตัวและยากที่จะผ่านพ้น ซึ่งถ้าใช้วิธีสร้างสรรค์จะทำให้ได้ข้อยุติ



+++ด้านพล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวส ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ได้ประชุมคณะพนักงานสอบสวนและชุดสืบสวน มีความเห็นเบื้องต้นว่าจะออกหมายเรียกนิมนต์พระเมธีธรรมาจารย์ มาพบพนักงานสอบสวน สภ.พุทธมณฑล ในข้อหาละเมิด พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะ พ.ศ.2558 ในเร็วๆ นี้ ส่วนประเด็นอื่นๆ ต้องพิจารณาต่อไป ดูความใครทำผิดกฎหมายอย่างไรอีกบ้าง  ปัญหาความขัดแย้งที่เกิดจากความเห็นต่างนั้น เป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายต้องเจรจากันหาทางออกที่สงบ ทั้งนี้ตำรวจติดตามข่าวสารความเคลื่อนไหวเรื่องนี้และมีจุดยืนคือ การบังคับใช้กฎหมาย หากผู้ใดละเมิดกฎหมายตำรวจก็ต้องดำเนินการ



+++พระเมธีธรรมาจารย์ (ประสาร จนฺทสาโร) เลาขาธิการศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย(ศพศ) กล่าวว่า พระพุทธะอิสระอยากทำอะไรก็เรื่องของเขา ส่วนอาตมาไม่ขอแจ้งความกลับ เพราะต้องการอยู่อย่างสงบเพื่อให้รัฐบาลทำงานได้อย่างราบรื่นตามที่ตกลงกันไว้ นอกจากนี้ หากมีหมายจากตำรวจเรียกสอบอาตมาในกรณีที่มีการชุมนุมพระสงฆ์ที่พุทธมณฑล อาตมาก็ยินดีจะให้ความร่วมมือ ทั้งนี้ อยากขอความร่วมมือไปยังฝ่ายทหารว่าอย่าดึงคนในครอบครัวของอาตมามาเกี่ยวข้อง เพราะท่านชราภาพแล้ว ท่านไม่รู้เรื่องอะไรเลย ขอร้องอย่าส่งทหารไปที่บ้านเกิดอาตมาอีก เพราะกลัวว่าผู้เฒ่าผู้แก่ท่านจะตกใจ ถ้าช็อคขึ้นมาใครจะรับผิดชอบ



+++ด้านพระราชญาณกวี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระราม ๙ กาญจนาภิเษก กล่าวถึงคำแนะให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) จ้างหมอนวด โคโยตี้ แม่ค้าปากคลองตลาด มาสลายม๊อบพระ ว่า การโพสต์ข้อความดังกล่าว เจตนาอาจโพสต์เล่น ๆ เชิงประชดประชัน แต่ถ้าสื่อนำมาโหมโรงเสนอเป็นข่าว จะทำให้ความประชดประชันกลายเป็นความดูถูกเหยียดหยาม จนนำสู่ความเกลียดชัง ดังนั้น การเสนอข่าวควรระมัดระวัง และควรมีสติอย่าหลงทาง เพราะพระมีทั้งดีและไม่ดี ดังนั้น สังคมควรมีสติให้มาก เพราะหากไม่มีสติอาจเกิดการเข่นฆ่ากันได้



++++นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงกรณีกระทรวงการคลัง จะเสนอต่ออายุมาตรการลดหย่อนภาษีสำหรับการท่องเที่ยวในประเทศไม่เกิน 1.5 หมื่นบาท หลังสิ้นสุดเมื่อ ธ.ค.58 ว่า ได้มอบนโยบายให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ไปหารือกับกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้นำงบขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) มาพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวในท้องถิ่น รวมถึงต้องพยายามดึงกลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน CLMV (กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา และเวียดนาม) เข้ามาเที่ยวในไทยมากขึ้น และประสานกับสายการบินทั้งในและต่างประเทศ เพื่อจัดเส้นทางบินใหม่  นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า ปีนี้ได้ตั้งเป้าหมายรายได้จากการท่องเที่ยวที่ 2.3 ล้านล้านบาท แต่จะพยายามผลักดันให้ได้ ถึง 2.4 ล้านล้านบาท เพื่อช่วยเศรษฐกิจ เน้นให้นักท่องเที่ยวใช้เงินในประเทศเพิ่มขึ้นจากวันละ 5,072 บาท เป็น 5,100-5,200 บาท/วัน และเพิ่มระยะเวลาอยู่ในไทยนานขึ้น จาก 9 วัน เป็น 11-12 วัน รวมถึงการสร้างอาเซียนคอนเนค



+++นายพรชัย จิตนวเสถียร นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า ได้มีการตรวจสอบโรงแรมที่พักของชาวจีนในเชียงใหม่ 12 แห่ง พบว่ามี 3 แห่งที่มีนอมินีชาวจีนดำเนินกิจการ และเข้าข่ายผิดกฎหมายซึ่งได้มีการขึ้นบัญชีดำไว้แล้ว ล่าสุดอยู่ระหว่างการตรวจสอบเอกสารทางธุรกรรม อย่างละเอียด หากพบผิดจะดำเนินคดีตามกฎหมายให้เป็นตัวอย่างนำร่องของประเทศ  ส่วนรถนักท่องเที่ยวจีน ที่ขับเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศ ควรจะมีการทำประกันภัยรถยนต์ด้วย หากเกิดอุบัติเหตุจะได้ไม่มีปัญหาในเรื่องการชดใช้ค่าเสียหายหรือจ่ายเงินค่าซ่อม



+++นอกจากนี้ยังมีปัญหานักท่องเที่ยวที่เข้ามาจะขับตามจีพีเอสในการแนะนำเส้นทาง ซึ่งในจีพีเอสระบุเป็นเส้นทางทูเวย์ แต่พื้นที่จริงรถวิ่งวันเวย์ หรือในเส้นทางจีพีเอสรถวิ่งสวนทางขวา แต่ในพื้นที่สวนทางซ้าย เป็นความเข้าใจผิด เพราะความคลาดเคลื่อนของจีพีเอส ทำให้นักท่องเที่ยวขับหลงเข้าไปทางที่ผิด หน่วยงานที่รับผิดชอบก็ต้องมีการปรับเปลี่ยนเส้นทางวันเวย์-ทูเวย์ และประกาศไปที่หน่วยงาน สื่อสารคมนาคม โดยเฉพาะแผนที่ทางกูเกิล พร้อมทำแผนที่ดาต้าเบสเกี่ยวกับการท่องเที่ยวใหม่ ให้สอดคล้องกับเส้นทางจริงด้วย ในปัจจุบัน นักท่องเที่ยวชาวจีนนิยมขับรถยนต์ส่วนตัวข้ามพรมแดนเข้ามาท่องเที่ยวในเชียงใหม่มากขึ้น จากปกติวันละประมาณ 100 คัน ช่วงเทศกาลอาจเพิ่มขึ้นเป็นวันละ 300-500 คัน ซึ่งบางครั้งอาจเกิดอุบัติเหตุและปัญหาลักษณะดังกล่าวขึ้นได้ โดยในวันศุกร์นี้ รมว.ท่องเที่ยวจะหารือกับกรมการขนส่งทางบก ถึงเรื่องการคิดค่าธรรมเนียม กฎระเบียบ การทำประกัน ชั้น 1 เพื่อความปลอดภัย



+++นายพาที สารสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบินนกแอร์ กล่าวว่า การสอบสวนนักบินกรณีการยกเลิกเที่ยวบินเมื่อวันที่ 14 ก.พ.ว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการสอบสวน ทั้งนี้นักบิน 2 คน คือ นายสัญญา ลิ้มประเสริฐ ผู้อำนวยการแผนกทดสอบและพัฒนาการบิน / นักบินผู้ควบคุมอากาศยาน และ นายวิรุณ มหิทธิกุล ผู้อำนวยการแผนกเอกสารการบินและรัฐสัมพันธ์/นักบินผู้ควบคุมอากาศยาน ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีและไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จึงให้กลับเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ ส่วนผลสรุปการสอบสวนคาดว่าจะใช้เวลาอีก 1-2 วัน ด้านการชดเชยสำหรับผู้โดยสาร ประมาณ 3,000 คน ที่ได้รับผลกระทบจากการยกเลิกเที่ยวบินจำนวนทั้งสิ้น 17 เที่ยวบินทั้งเที่ยวบินจากกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดนั้น เบื้องต้นได้ประสานให้แต่ละฝ่ายที่เกี่ยวข้องดำเนินการติดต่อผู้โดยสารเพื่อทำการชดเชยตามหลักการของกรมการบินพลเรือนเป็นที่เรียบร้อยแล้วกว่า ร้อยละ40  และยังมีผู้โดยสารบางส่วนที่ยังไม่สามารถติดต่อได้ สายการบินจึงได้จัดตั้งสายด่วนให้เฉพาะผู้โดยสารที่ได้รับผลกระทบและยังไม่ได้รับการติดต่อจากนกแอร์ เพื่อสอบถามรายละเอียดและข้อมูลการชดเชยได้ที่หมายเลขโทร. 02-529-8740 ตลอด 24 ชั่วโมง สามารถติดต่อได้ตั้งแต่เวลา 16.00 น. ของวันนี้ (17 ก.พ.)เป็นต้นไป



+++ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศ ปิดตลาดที่ระดับ 1,288.47 จุด ลดลง 0.89 จุด มูลค่าการซื้อขาย 44,948.91 ล้านบาท



+++ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดร่วงลงกว่า 200 จุดในวันนี้ เนื่องจากการแข็งค่าของเงินเยนได้ฉุดหุ้นกลุ่มส่งออกร่วงลง ปิดร่วงลง 218.07 จุด ที่ 15,836.36 จุด



+++ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดปรับตัวลดลง 197.51 จุด ที่ 18,924.57 จุด



+++ผู้ค้ำน้ำมัน ได้ปรับขึ้นราคาน้ำมันขายปลีกเฉพาะดีเซล  50 สต.ต่อลิตร มีผลพรุ่งนี้ตี 5 (18 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา 05.00 น.)



++ทพ.เผด็จ พูลวิทยกิจ ทันตแพทย์คลินิกแห่งหนึ่งในจังหวัดสระบุรี ซึ่งเป็น 1 ใน 4 ผู้ค้ำประกัน ทพญ.ดลฤดี จำลองราษฎร์ อดีตอาจารย์ภาควิชาทันตกรรมสำหรับเด็ก คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล (มม.) ที่ไม่กลับมาทำงานชดใช้ทุนรัฐบาล เปิดเผยว่า ขณะนี้ตน พร้อมด้วยผู้ค้ำประกันอีก 3 คน ได้ส่งหนังสือมอบอำนาจให้ทนายความที่สหรัฐอเมริกาดำเนินการฟ้องร้อง ทพญ.ดลฤดี ต่อศาลที่สหรัฐอเมริกาแล้ว พร้อมทั้งจัดส่งเอกสารหลักฐานต่างๆ เกี่ยวกับกรณีนี้ให้ทั้งหมดแล้วด้วย  สำหรับทนายความที่จะดำเนินเรื่องให้นั้นมี 2 คน โดยคนแรกเป็นทนายความซึ่งเป็นลูกครึ่งไทย-อเมริกัน และทนายท้องถิ่นที่อยู่ในบอสตัน ซึ่งทั้งหมดนี้ได้รับการสนับสนุนจากคนไทยในสหรัฐอเมริกาดีมาก โดยช่วยดำเนินการให้ทุกอย่าง  โดย เมื่อสัปดาห์ที่แล้วผู้ค้ำประกันรายหนึ่งได้นำอีเมล์ของสามี ทพญ.ดลฤดีมาให้ตนดู โดยมีข้อความระบุว่า ไม่มีเงิน แม้จะฟ้องร้องก็ไม่มีเงินให้อยู่ดี อาจจะไม่ได้อะไรจาก ทพญ.ดลฤดี ก็ได้ ซึ่งขัดกับความจริงอย่างสิ้นเชิง เพราะอยู่บ้านราคาหลังละ 30-40 ล้านบาท แต่บอกไม่มีเงินได้อย่างไร และเป็นการแสดงให้เห็นชัดด้วยว่าไม่ตั้งใจจะใช้หนี้



+++ตำรวจญี่ปุ่นกล่าวว่า นางยูโกะ โอกาตะ พร้อมแฟนหนุ่มคือนายทาเคชิ เอะงามิ ชาวเมืองฟุกุโอะกะทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศ ถูกจับกุมฐานบังคับลูกสาววัยรุ่นคนหนึ่งให้กินปลาทองตายกว่า 30 ตัวเพื่อเป็นการลงโทษ โดยก่อนหน้านั้น สามีภริยาคู่นี้ได้เทผงซักฟอกลงในแทงค์เลี้ยงปลาทอง ก่อนจะบังคับให้ลูกสาวกินปลาตายทีละตัว เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อเดือนมิถุนายนปีก่อน ยังไม่รายงานเรื่องผลกระทบต่อสุขภาพของเด็ก ที่ผ่านมา ทั้งนางโอกาตะและนายเอะงามิ มักจะลงโทษลูกด้วยวิธีการรุนแรงต่างๆเป็นประจำ



+++ก่อนหน้านี้ นางโอกาตะ และนายเองะมิ ถูกตัดสินเมื่อปีก่อนว่า มีความผิดฐานใช้เชือกมัดลูกสาวไว้กับเตียง ชกต่อยเข้าที่ใบหน้าและใช้ก้นบุหรี่จี้ลิ้นของลูกสาว การจับกุมครั้งนี้เป็นครั้งที่ 5 นับแต่ปีที่แล้วเกี่ยวกับการลงโทษเด็กของสามีภริยาคู่นี้ ด้านกระทรวงสาธารณสุขของญี่ปุ่นระบุว่า ศูนย์คุ้มครองเด็กของญี่ปุ่นรายงานว่ามีกรณีการทำร้ายเด็กมากถึง 89,000 รายเมื่อปีก่อน ขณะเดียวกันรัฐบาลญี่ปุ่นพยายามจะหาทางแก้ไขปัญหาการทำร้ายผู้สูงอายุด้วย ก่อนหน้านี้ อดีตคนงานประจำสถานพยาบาลแห่งหนึ่งถูกจับกุมเมื่อวันจันทร์ หลังการจับชาวบ้านวัย 87 ปีรายหนึ่งโยนลงจากระเบียงบ้านเสียชีวิตเมื่อปี 2557 นอกจากนั้นเขายังรับสารภาพว่าจับชาวบ้านอีก 2 คน วัย 80 ปีและ 90 ปีทุ่มลงจากระเบียงบ้านเสียชีวิตในปีเดียวกัน 

ข่าวทั้งหมด

X