*สรุปข่าว 19.35น*
+++ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม กล่าวถึงกรณีความคืบหน้าการตรวจสอบรถยนต์โบราณ ยี่ห้อ เมอร์เซเดสเบนท์ ขม99 ของสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ หรือ สมเด็จช่วง เจ้าอาวาสวัดปากน้ำภาษีเจริญ ว่า เบื้องต้นตนได้รับรายงานจากพ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) แล้ว ว่า จากการตรวจสอบพยานหลักฐานเอกสารพบว่ารถคันดังกล่าวมีการนำเข้าผิดกฎหมาย แต่เมื่อพบว่ารถมีความผิดก็ต้องไปดูว่าผิดอย่างไร ซึ่งอธิบดีดีเอสไอจะเป็นคนแถลงชี้แจงในรายละเอียดทั้งหมดในวันที่ 18 ก.พ.นี้ ที่ดีเอสไอ
+++แหล่งข่าวจากชุดสอบสวน กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยว่า สำหรับคดีรถเบนซ์จดประกอบของสมเด็จมหารัชมังคลาจารย์ หรือสมเด็จฯช่วง ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ดีเอสไอพบหลักฐานการกระทำผิดกฎหมายในทุกขั้นตอน เริ่มจากการสำแดงนำเข้าโดยมีเจตนาเลี่ยงภาษี เป็นการแยกชิ้นส่วน แต่นำเข้าโดยบุคคลคนเดียว ประกอบรถยนต์โดยไม่มีใบอนุญาต และในขั้นตอนการจดทะเบียนยังมีการปลอมลายมือชื่อ ของบุคคลที่เกี่ยวข้อง โดยบุคคลที่ปรากฎลายมือชื่อในเอกสาร ไม่มีส่วนรู้เห็น ที่สำคัญรถยนต์คันนี้ มีชื่อสมเด็จฯช่วง เป็นผู้จดทะเบียนครอบครองรถเป็นมือแรกและมือเดียว คือ รับโอนรถจากโรงงานจดประกอบโดยไม่ผ่านบุคคลใด ดังนั้น จึงเป็นประเด็นที่สมเด็จฯช่วงต้องพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนเองว่าทราบหรือไม่ว่า รถยนต์คันนี้มีการนำเข้าโดยหลบเลี่ยงภาษี ซึ่งความผิดที่เกี่ยวข้องได้แก่ การรับไว้ซึ่งของผิดกฎหมายและการครอบครองรถยนต์ที่ชำระภาษีไม่ถูกต้อง ส่วนผู้ที่ซื้อถวายเป็นพระเลขานุการของ สมเด็จฯช่วง โดยเป็นผู้จัดหาทั้งหมด เพียงแต่ไม่ปรากฎชื่อในขั้นตอนใดเลย
+++ความคืบหน้าการแก้รัฐธรรมนูญชั่วคราวปี 2557 เพื่อแก้ไขหลักเกณฑ์การทำประชามติ นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) กล่าวว่า อยู่ระหว่างรอประสานจากรัฐบาลมายังสนช. ซึ่ง จำเป็นต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญชั่วคราวปี 2557 ให้เกิดความชัดเจนและตรงตามเจตนารมณ์ของผู้ร่างในเรื่องคะแนนเสียงที่ใช้ทำประชามติที่ต้องยึดคะแนนเสียงเกินกึ่งหนึ่งของผู้มาใช้สิทธิ ไม่ให้เกิดการตีความว่า ใช้คะแนนเสียงเกินกึ่งหนึ่งของผู้มีสิทธิออกเสียง เมื่อถามว่า จะแก้ไขรัฐธรรมนูญชั่วคราว เรื่องหากทำประชามติไม่ผ่าน จะมีวิธีการทำอย่างไรต่อไปหรือไม่ นายพรเพชร กล่าวว่า เท่าที่ฟังท่าทีนายวิษณุ เครืองาม รองนายรัฐมนตรี ยังรอดูท่าทีของครม.และคสช.ว่าจะดำเนินการอย่างไร หาก ไปกำหนดล่วงหน้าว่า ประชามติไม่ผ่านแล้วจะมีผลอย่างไรต่อไป อาจจะกลายเป็นประเด็นหมิ่นเหม่ที่ผลต่อการลงคะแนนประชามติของประชาชนได้ ซึ่งคสช. ครม. และผู้เกี่ยวข้องตระหนักเรื่องนี้ดี
+++การประชุมสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) มีมติเห็นชอบต่อรายงานและร่าง พ.ร.บ.ยุทธศาสตร์ชาติ ด้วยคะแนน 164 ต่อ 6 งดออกเสียง 4 โดยกมธ. จะนำข้อคิดเห็นของสมาชิกไปปรับปรุงก่อนส่งให้ประธานสปท. และครม. เพื่อดำเนินการต่อไป พ.ต.ต. ยงยุทธ สาระสมบัติ ประธานกมธ.ฯ ชี้แจงว่า กฎหมายดังกล่าวจะทำให้ประเทศไทยมียุทธศาสตร์ ระดับชาติที่เป็นแม่บทหลักในการพัฒนาประเทศในทุกมิติ ทำให้การพัฒนาทุกด้านเป็นไปอย่างต่อเนื่อง แผนพัฒนามีการบูรณาการจัดลำดับให้สอดคล้องกับความต้องการของประเทศและ ประชาชนส่วน นายกษิต ภิรมย์ สปท. อภิปรายว่า อำนาจของคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ มีอำนาจเหนือกว่าฝ่ายบริหาร ที่มาจากการเลือกตั้ง ดังนั้น การบอกว่าคณะกรรมการชุดนี้ไม่ใช่ คปป. ซ่อนรูปถือเป็นการหลอกตัวเอง อีกทั้งแผนยุทธศาสตร์ชาติไม่มีอะไรที่เป็นส่วนร่วมของประชาชนเลย หากแต่เป็นการเสริมอาณาจักรของข้าราชการ ด้านพ.ต.ต.ยงยุทธ ยืนยันว่า คณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ ไม่มีอำนาจลงโทษโดยตรง เป็นเพียงเครื่องเอ็กซเรย์เท่านั้น เราไม่ใช่ผู้ผ่าตัด แต่ถ้าพบว่ามีการกระทำการที่ไม่ถูกต้องก็จะส่งเรื่องไปยังช่องที่กำหนด ทั้งนี้มีคนพูดว่า ถ้าคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติเกิดในยุคที่มีโครงการจำนำข้าว ก็อาจจะไม่เกิดความเสียหายมากขนาดนี้ ที่ประชุม
+++ พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร รรท.ผบช.น. เปิดเผยถึงความคืบหน้าคดีนายอาร์ตูร์ เซการ์ ปริ๊นเซป อายุ 37 ปี ผู้ต้องหาฆ่าหั่นศพนายเดวิด บาร์นาต อายุ 40 ปี นักธุรกิจชาวสเปนว่า สำหรับผลตรวจดีเอ็นเอ กองพิสูจน์หลักฐานขอเลื่อนออกไปก่อน แต่ผลรายงานเบื้องต้นเจอคราบเลือดของคนตายเพิ่มเติมที่ประตูห้องน้ำในคอนโดย่านพระราม 9 จำนวน 2 จุด ลักษณะกระเซ็นเหมือนถูกใบเลื่อยตัด นอกจากนี้ยังพบคราบเลือดบริเวณท่อน้ำ แต่เป็นของนายอาร์ตูร์ ส่วนการตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอที่ตู้แช่และกระเป๋าเป้ของนายอาร์ตูร์นั้น ไม่ตรงกับผู้ตาย โดยขณะนี้ยังคงตามหากล่องใส่มีด และใบเลื่อยต่างๆ ที่คนร้ายใช้หั่นศพอยู่ โดยยังไม่ตัดประเด็นดังกล่าวทิ้ง หลักการสอบสวนตำรวจต้องตั้งข้อสงสัยไว้อยู่แล้ว ต้องสอบสวนให้ปราศจากข้อสงสัย หากมีใครที่เกี่ยวข้องก็ต้องเอามาดำเนินคดี ส่วนตัวตนไม่เชื่อว่านายอาร์ตูร์จะทำคนเดียว ซึ่งตำรวจก็ต้องตั้งข้อสงสัยว่าไม่ได้ทำคนเดียวอยู่แล้ว ก็ต้องหาพยานหลักฐานมายืนยันให้สิ้นสงสัยให้ได้ว่าทำเพียงคนเดียวหรือไม่
+++นายศุภชัย พานิชภักดิ์ อดีตเลขาธิการการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนาหรืออังค์ถัด กล่าวในงานสัมมนา”TMB Economic Forum ส่องเศรษฐกิจโลก เจาะธุรกิจไทยปี 2016″ ว่า เศรษฐกิจโลกยังมีความเปราะบาง ขณะที่เศรษฐกิจไทยเองยังมีความอ่อนแอ หากระบบการเงินยังคำนึงถึงการทำกำไรโดยไม่คำนึงถึงคุณภาพของสินเชื่ออาจจะมีปัญหาเกิดขึ้นในอนาคต จึงต้องระมัดะวังการปล่อยสินเชื่อ เพราะการเพิ่มขึ้นของหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ใน 2-3ปีที่ผ่านมาถือว่าน่าเป็นห่วง สิ่งที่ต้องระมัดระวังคือการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของเศรษฐกิจโลก เพราะยุโรปยังมีปัญหาหนี้และะราคาโภคภัณฑ์ที่ตกต่ำทำให้บางประเทศหรือบางบริษัทถึงขั้นล่มสลายได้ ซึ่งจะกระทบต่อเนื่องไปยังระบบการเงินที่มีความเชื่อมโยงกัน ดังนั้นไทยและเอเชียต้องตามประเทศมหาอำนาจที่จะมีผลต่อเศรษฐกิจการค้าโลกให้ทันเช่นเรื่องของทีพีพี ที่จะมาแทนดับบลิวทีโอ ซึ่งอาจทำให้ไทยเสียเปรียบได้จึงต้องใช้การวมกลุ่มเออีซีให้เป็นประโยชน์มากขึ้นเพราะในอนาคตเออีซีจะเป็นตัวกำหนดการค้าโลกได้แต่ต้องมีการรวมพลังให้มีความเข้มแข็งมากว่าที่ผ่านมา
+++ส่วนเศรษฐกิจไทยควรจะเติบโตได้ ร้อยละ 2-3 ในภาวะที่การค้าโลกขยายตัว ร้อยละ 3-4 ซึ่งเป็นอัตราการขยายตัวตามปกติ ไม่ควรให้ความสำคัญเรื่องตัวเลขแต่ต้องเตรียมร้อมรับมือกับปัญหาและปฎิรูปเชิงโครงสร้างอย่างจริงจัง การกระตุ้นกำลังซื้อในประเทศโดยการสนับสนุนให้สร้างหนี้นั้นเป็นอันตรายต่อระบบเศรษฐกิจ เพราะรายได้ขั้นต่ำและรายได้ภาคเกษตรหดตัวแต่หนี้ครัวเรือนกลับสูงขึ้นเรื่อย
+++นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า บมจ.การบินไทย (THAI) เตรียมจะกลับมาทำการบินที่กรุงมอสโคว์ ประเทศรัสเซีย อีกครั้ง หลังจากหยุดทำการบินชั่วคราวตั้งแต่วันที่ 29 มี.ค. 58 เพื่อลดค่าใช้จ่าย แต่ปีนี้มีแผนเจาะตลาดใหม่เพิ่มขึ้น ขณะที่ประเทศรัสเซียก็เป็นหนึ่งในตลาดที่การบินไทยจะกลับไปทำการบินในอนาคต
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม และนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี จะเดินทางเยือนประเทศรัสเซีย ระหว่างวันที่ 23-27 ก.พ.นี้ จะมีการเจรจาหารือเรื่องสิทธิการบินระหว่างไทย-รัสเซีย โดยเห็นว่าการเปิดตลาดเชื่อมระหว่างสหภาพยุโรปและอาเซียนจะทำให้เกิดเป็นตลาดเดียว และมีแนวโน้มเติบโตได้ดี
+++ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวแดนบวกตั้งแต่เปิดตลาดเช้าแต่เจอแรงขายทำกำไรจนมาปิดที่ 1,289.36 จุด เพิ่มขึ้นเล็กน้อยเพียง 0.96 จุด มูลค่าการซื้อขาย 40,758.27 ล้านบาท
+++ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียว ปิดบวก 31.85 จุด ที่ 16,054.43 จุด
+++ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดตลาดปรับตัวเพิ่มขึ้น ในวันนี้ ภายหลังจากที่จีนได้เปิดเผยข้อมูลการปล่อยกู้ครั้งใหม่เดือนม.ค.ที่ดีดตัวขึ้น ส่งผลให้นักลงทุนมีความมั่นใจในแนวโน้มเศรษฐกิจจีนมากขึ้น เพิ่มขึ้น 203.94 จุด ที่ 19,122.08 จุด
+++สมาคมค้าทองคำ เปิดเผยว่า ราคาทองคำในประเทศปรับตัวผันผวน 9 ครั้ง ต่อวันในช่วง 2 วันมานี้ โดยราคาปรับตัวลดลง 500 บาท และเมื่อเวลา 16.30 น. วันที่ 16 ก.พ. ราคาทองคำแท่งรับซื้อที่ 20,200 บาทต่อบาททองคำ และขายออก 20,300.00 บาทต่อบาททองคำ ส่วนทองคำรูปพรรณรับซื้อ 19,905.08 บาทต่อบาททองคำ และขายออก 20,700 บาทต่อบาททองคำ นายกมลธัญ พรไพศาลวิจิต ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทองคำ กล่าวว่า ขณะ นี้ราคาทองคำได้ปรับตัวลดลงอีกครั้ง หลังจากตลาดทุนหลายประเทศเริ่มฟื้นตัวต่อเนื่องตามราคาน้ำมันดิบโลก ทำให้หุ้นในกลุ่มพลังงานปรับตัวเพิ่มขึ้นหนุนดัชนี ส่งผลให้สินทรัพย์เสี่ยงถูกลดความน่าสนใจลงอีก ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นราคาทองคำในระยะ 3 เดือนข้างหน้าปรับตัวลดลงจากเดือนก่อน โดยลดลง 9.19 จุดมาอยู่ที่ระดับ 53.24 จุด เนื่องจากกลุ่มตัวอย่างเชื่อว่าราคาปรับตัวขึ้นมาต่อเนื่อง ทำให้ราคาทองอาจจะเริ่มทรงตัว
+++การเดินทางเยือนสหรัฐของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ร่วมประชุมสุดยอดอาเซียน-สหรัฐฯ พล.ต.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ไทยเห็นว่าจีนกำลังก้าวขึ้นเป็นมหาอำนาจใหม่ ในขณะที่สหรัฐฯ เป็นมหาอำนาจเดิมซึ่งเป็นเสาหลักในการรักษาเสถียรภาพในภูมิภาค ความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างสองประเทศจะเป็นพื้นฐานสำคัญให้สันติภาพและความมั่งคั่งของภูมิภาค ทั้งสองฝ่ายต้องสร้างความเข้าใจกันในทุกระดับและพยายามหลีกเลี่ยงความเข้าใจผิด ซึ่งอาจนำไปสู่การกระทบกระทั่งได้ ส่วนปัญหาทะเลจีนใต้มีความละเอียดอ่อนสูงและส่งผลกระทบ ไทยชื่นชมสหรัฐฯ ที่สนับสนุนความพยายามของอาเซียนในการแก้ไขปัญหาทะเลจีนใต้อย่างสันติวิธี นอกจากนี้ไทยยังสนับสนุนสหรัฐ ในการ แก้ปัญหา อาชญากรรมข้ามชาติ การก่อการร้ายและแนวคิดสุดโต่งรุนแรง โรคระบาด และภัยพิบัติทางธรรมชาติ ผ่านกลไกลและการประชุมระดับต่างๆ ส่วนปัญหาในคาบสมุทรเกาหลี ไทยห่วงกังวลต่อการยั่วยุของเกาหลีเหนือครั้งล่าสุด อาเซียนจำเป็นต้องรักษาช่องทางสื่อสารกับเกาหลี สนับสนุนให้เกาหลีเหนือเข้าร่วม การประชุมอาเซียนว่าด้วยความร่วมมือด้านการเมืองและความมั่นคงในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก รวมถึงการเจรจา 6 ฝ่ายส่วนการประชุมสุดยอดอาเซียน-สหรัฐ ในวันพรุ่งนี้ (16 ก.พ.) จะหารือหัวข้อ การรักษาสันติภาพ ความเจริญรุ่งเรืองและความมั่นคงในเอเชีย-แปซิฟิก
++++นายอาลี อัลไนมี รัฐมนตรีน้ำมันของซาอุดิอาระเบียกล่าวว่า รัฐมนตรีน้ำมันจาก 3 ประเทศในกลุ่มโอเปกคือ ซาอุดิอาระเบีย กาตาร์ เวเนซุเอลา และรัสเซีย เห็นพ้องเรื่องการตรึงกำลังการผลิตไว้เท่าระดับเดือนมกราคม คาดว่าผู้ผลิตรายอื่นๆจะทำตามข้อเสนอนี้เช่นเดียวกัน ระบุว่าการตรึงระดับการผลิตไว้เท่ากับในเดือนมกราคมน่าจะเหมาะสมสำหรับตลาด ผู้ผลิตรายใหญ่ทั้ง 4 รายไม่ต้องการให้ราคาผันผวน และต้องการเห็นราคาน้ำมันเคลื่อนไหวอย่างมีเสถียรภาพ
+++แต่หลังการแถลงเรื่องนี้ราคาดิ่งลงเกือบเท่าระดับเดิม สำหรับราคาน้ำมันดิบเบรนท์ ตลาดกรุงลอนดอน อังกฤษ เพิ่มกว่าร้อยละ 5 ในช่วงแรกของการซื้อขายวันนี้ ก่อนจะร่วงลงมา เพิ่มจากวันก่อนเพียงร้อยละ 1.9 อยู่ที่ 34.02 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบสหรัฐฯเพิ่มร้อยละ 1 อยู่ที่ 30.03 ดอลลาร์ นักวิเคราะห์ ระบุว่าตลาดรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยกับมติการประชุมครั้งนี้เนื่องจากนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ประเมินว่าอาจจะมีการตกลงเรื่องการลดกำลังการผลิต แทนที่จะตรึงกำลังการผลิตไว้เท่าเดิม