เมืองไทยฯ(1):การประชุมอาเซียนกับสหรัฐ/ให้ทุกหน่วยงานลดงบประมาณรายจ่าย/กรธ.เริ่มพิจารณาข้อเสนอแนะ*

16 กุมภาพันธ์ 2559, 07:49น.


ในการที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เดินทางไปร่วมประชุม สุดยอดอาเซียน-สหรัฐ สมัยพิเศษ ที่มลรัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่าการเข้าร่วมประชุมครั้งนี้จะได้ประโยชน์อย่างมาก โดยเฉพาะความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างอาเซียนกับสหรัฐ ที่มีความเชื่อมโยงกับกลุ่มประชาคมโลก ส่วนการทำงานของรัฐบาลไทยจะเป็นไปในลักษณะอาเซียนบวกหนึ่ง ที่จะพัฒนาอย่างยั่งยืนสร้างความเชื่อมโยง เพื่อให้ทุกประเทศในอาเซียนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น โดยมองประชาชนเป็นศูนย์กลาง ที่ต้องคำนึงถึงประเทศที่มีความแตกต่างเรื่องรายได้และการพัฒนา ตามหลักการของอาเซียน



ด้านพล.ต.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่านายกรัฐมนตรียินดีที่ได้มีโอกาสพบกับกลุ่ม คนไทยที่มีความรู้ มีศักยภาพและเป็นสมองของประเทศ มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญ ในสาขาที่ต่างกันออกไป และเชื่อว่าทุกคนมีความปรารถนาดีที่จะร่วมกันการพัฒนาประเทศ พร้อมรับฟังความคิดเห็นและแนวทางการปฏิรูปและการพัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมของประเทศไทย ซึ่งรัฐบาลมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน สร้างบุคลากรคุณภาพ เพื่อรองรับการก้าวไปสู่การเป็นเศรษฐกิจ



การประชุมคณะรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี นั่งเป็นประธานแทน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ติดภารกิจประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนกับสหรัฐ วาระสำคัญคงต้องติดตามข้อเสนอแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญที่จะส่งให้คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ



นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยเกี่ยวกับการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2559 และปี 2560 ว่าให้ทุกหน่วยงานพิจารณาตัดงบประมาณให้สอดคล้องกับทิศทางยุทธศาสตร์ประเทศ ที่ต้องมีความสำคัญและความจำเป็น



นายสมศักดิ์ โชติรัตนะศิริ ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ กล่าวว่า ครม.ได้เห็นชอบกรอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2560 ไว้ 2 ล้าน 7 แสน 3 หมื่น 3 พันล้านบาท ซึ่งหน่วยงานต่าง ๆ  ต้องส่งคำขอมาภายในวันที่ 26 กุมภาพันธ์นี้ เพื่อจัดทำงบประมาณปี 2560 ตามกรอบคำขอเบื้องต้น 3 ล้าน 3 แสนล้านบาท ให้ไม่เกินกรอบงบประมาณ หรือ 600,000 ล้านบาท



นายธีรัชย์ อัตนวานิช รองผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) กล่าวว่า หนี้สาธารณะสิ้นเดือนธันวาคม 2558 มียอดสุทธิ 6 ล้านล้านบาท หรือร้อยละ 44.36 ของจีดีพี เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า 29,300 ล้านบาท เนื่องจากรัฐบาลก่อหนี้เพิ่ม 31,300 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นการกู้เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ 57,100 ล้านบาท โดยมียอดสะสมเงินกู้เพื่อการขาดดุลปีงบประมาณ 2559 ไปแล้ว 265,000 ล้านบาท จากวงเงินกู้เพื่อการขาดดุลที่ตั้งไว้ 390,000 ล้านบาท เพื่อนำมากระตุ้นเศรษฐกิจและรองรับการเบิกจ่ายของรัฐบาล



ส่วนในการประชุม กรธ. มีนายมีชัย ฤชุพันธุ์ เป็นประธานการประชุม เพื่อพิจารณาทบทวนความเห็นและข้อเสนอแนะจากส่วนต่างๆ ซึ่งมีการจัดทำบทความเรื่อง ข้อบิดเบือนร่างรัฐธรรมนูญ เพื่อนำไปเผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ของรัฐสภา ซึ่งจะเป็นการอธิบายหลายประเด็นที่คนส่วนใหญ่ยังเข้าใจไม่ถูกต้อง เช่น เรื่องสิทธิเสรีภาพ เรื่องระบบการเลือกตั้ง เรื่องอำนาจขององค์กรอิสระและศาลรัฐธรรมนูญ



ทั้งนี้ กรธ. มีกำหนดจัดทำร่างรัฐธรรมนูญร่างสุดท้าย และส่งให้ พล.อ.ประยุทธ์ ในวันที่ 29 มีนาคมนี้ เพื่อเข้าสู่กระบวนการจัดทำประชามติ



ส่วนการพิจารณาข้อเสนอแนะของร่างรัฐธรรมนูญ ในการประชุมสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) มี ร.อ.ทินพันธุ์ นาคะตะ ประธาน สปท. เป็นประธานการประชุม มีความเห็นชอบเรื่องปฏิรูปที่ควรบรรจุไว้ในมาตรา 269 ของร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช.... (ร่างเบื้องต้น) ตามที่กมธ.แต่คณะส่งข้อคิดเห็น และเตรียมส่งไปยังกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) พิจารณาต่อไป  



นอกจากนี้ สปท. ยังเห็นชอบรายงานบทบาท หน้าที่ และการใช้ประโยชน์กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงและร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ของคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ด้านพลังงาน โดย พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช รองประธาน กมธ.คนที่ 1 รายงานว่า กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงมีบทบาทมากในการกาหนดราคาน้ำมันเชื้อเพลิงทุกชนิด แต่ยังมีคำถามเกี่ยวกับความเหมาะสมในการใช้เป็นเครื่องมือดำเนินนโยบายของรัฐบาลยุคต่างๆ ทาง กมธ. จึงเสนอร่าง พ.ร.บ.กองทุนน้ามันเชื้อเพลิง เพื่อการบริหารกองทุนน้ามันให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ประชาชนมีส่วนร่วม และป้องกันการใช้กองทุนฯ เกินวัตถุประสงค์ นอกจากนี้ยังได้กำหนดมาตรการต่างๆ เกี่ยวกับการอุดหนุนราคาเชื้อเพลิงชีวภาพ โดยมีระยะเวลาและวงเงินที่ใช้ในการอุดหนุนราคาเชื้อเพลิงชีวภาพอย่างชัดเจน

และในวันนี้ สปท. จะมีการอภิปรายร่าง พ.ร.บ.ยุทธศาสตร์ชาติ



ส่วนนายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) คนที่ 1 เข้ายื่นข้อเสนอเกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญ ที่สนช.มีมติเมื่อวันที่ 12 ก.พ. ต่อนายมีชัย  ประธาน กรธ. แล้ว 



ขณะที่นายยงยศ แก้วเขียว นายกสมาคมกำนันผู้ใหญ่บ้านแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์นี้  นายยงยศพร้อมสมาชิกกำนันผู้ใหญ่บ้าน 300 คน จะไปยื่นหนังสือถึงนา พรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสนช. และ กรธ. เพื่อขอให้ทบทวนร่างรัฐธรรมนูญในหมวด ที่เกี่ยวข้องกับการปกครองท้องถิ่น เนื่องจากร่างฉบับนายมีชัยบัญญัติไว้เฉพาะการปกครองส่วนท้องถิ่นเท่านั้น โดยตัดเรื่องการปกครองส่วนกลางและส่วนภูมิภาคออกไป ซึ่งต่างจากรัฐธรรมนูญปี 2550 ที่กำหนดว่ารัฐจะต้องจัดระบบบริหารราชการทั้งส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และส่วนท้องถิ่น โดยสมาชิกทั่วประเทศจะไปยื่นหนังสือที่ศากลางจังหวัดทุกจังหวัดในวันและเวลาเดียวกันด้วย



 *-*

ข่าวทั้งหมด

X