ประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาดผู้นำซีเรียประกาศจะพยายามยึดคืนพื้นที่ทั้งหมดที่กองกำลังฝ่ายต่อต้านรัฐบาลยึดครองโดยไม่ลังเล ในการให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวเอเอฟพี ผู้นำซีเรียกล่าวว่า การเอาชนะกลุ่มต่อต้านอาจจะต้องใช้เวลาพอสมควร เนื่องจากกลุ่มต่อต้านดังกล่าวมีความเชื่อมโยงกับอำนาจในท้องถิ่น ขณะเดียวกัน เขาได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาขององค์การสหประชาชาติหรือยูเอ็นที่ระบุว่ารัฐบาลของเขาเป็นอาชญากรสงครามจากการใช้นโยบายการสังหารกลุ่มต่อต้านที่ถูกจับกุมตัวหลายพันคน โดยยืนยันว่าเป็นคำกล่าวหาที่ไม่มีหลักฐานและเป็นเรื่องการสาดสีกันทางการเมืองมากกว่า ผู้นำซีเรียกล่าวถึงเพื่อนบ้านอย่างซาอุดีอาระเบียและตุรกีว่า อาจให้การสนับสนุนกลุ่มต่อต้านด้วยการแทรกแซงด้านการทหารในซีเรีย ส่วนประเด็นที่มีชาวซีเรียจากจังหวัดอเลปโปจำนวนมากต้องติดค้างอยู่บริเวณพรมแดนติดต่อกับตุรกี หลังจากอพยพหนีความรุนแรงในพื้นที่
ผู้นำซีเรีย ระบุว่า รัฐบาลยุโรปเป็นต้นเหตุของวิกฤตการณ์ผู้อพยพ ด้วยการปกป้องกลุ่มผู้ก่อการร้ายในซีเรียทางอ้อม รวมทั้งยังคว่ำบาตรรัฐบาลซีเรีย คำกล่าวของผู้นำซีเรียมีขึ้นหลังจากที่ประเทศมหาอำนาจของโลกเห็นพ้องร่วมในการผลักดันให้เกิดการพักรบระหว่างฝ่ายรัฐบาลซีเรียกับฝ่ายต่อต้าน โดยยูเอ็นแสดงความหวังว่าจะทำให้สามารถทยอยลำเลียงความช่วยเหลือเข้าไปในพื้นที่ที่ถูกกลุ่มกบฎยึดครองได้ในเวลาอีกไม่เกิน 24 ชั่วโมงข้างหน้า แม้ว่าประธานาธิบดีอัล-อัสซาดจะให้การสนับสนุนการเจรจาสันติภาพ แต่เขายืนกรานว่าการเจรจาดังกล่าวไม่ได้คาดหมายว่าจะทำให้รัฐบาลซีเรียยุติการปราบปรามการก่อการร้าย
ด้านนายมาร์ก โทเนอร์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวว่า ประธานาธิบดีอัล-อัสซาด ได้ถูกหลอกลวงจากความคิดที่ว่าจะใช้มาตรการทางทหารในการแก้ปัญหาความขัดแย้งเรื้อรัง ทั้งนี้ การสู้รบระหว่างฝ่ายรัฐบาลซีเรียกับกลุ่มต่อต้านที่ดำเนินมานานเกือบ 5 ปีได้คร่าชีวิตชาวซีเรียแล้วมากกว่า 250,000 คน และยังทำให้อีกกว่า 11 ล้านคนต้องพลัดถิ่น จนทำให้เกิดวิกฤติผู้อพยพในยุโรป ยูเอ็นระบุด้วยว่า หลายเมืองในซีเรียยังถูกตัดขาดจากความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมมานานกว่า 1 ปี เนื่องจากการสู้รบรุนแรง จนทำให้ไม่สามารถลำเลียงความช่วยเหลือเข้าไปในพื้นที่ได้ ส่งผลให้มีชาวซีเรียที่ต้องการความช่วยเหลือราว 13.5 ล้านคน
ทีมต่างประเทศ
CR:แฟ้มภาพ