ร.ต.อ.ฉัตรชัย เหมวิไล รอง สว.กองกำกับการ1 กองบังคับการปราบปราม เปิดเผยกับจส.100 กรณีประชาสัมพันธ์ ตามหาแท็กซี่ ที่รับผู้ต้องหา.ชายต่างชาติ เป็นชาวยูเครน ลักษณะผิวขาว ผมตัดสั้นหน้าผากกว้าง ผอม สูง 180-cm สวมเสื้อสีน้ำตาลเข้ม กางเกงขายาว มีกระเป๋าเดินทาง 3 ใบ ใบใหญ่สีดำ1 ใบเล็กสีแดง1ใบ สะพายสีดำ1 ใบ รับจาก โรงแรมอันชาลีน่า ซ.มหาดไทย หัวหมาก ช่วง ประมาณ 21.15-21.30 เมื่อวานนี้ ชายดังกล่าวเป็นผู้ต้องสงสัยแก๊งสกิมเมอร์ มาก่อเหตุใน กรุงเทพ โดยทางตำรวจ ได้ ติดตามมาหลายเดือน จับผู้ต้องหา เพื่อนร่วมแก๊งได้1คนแล้ว ขยายผลมาถึงคนนี้ แต่คลาดกันแป๊บเดียว ล่าสุดตามจับได้แล้วเมื่อ 16.00น. หลังจากที่ปชส.กับทางจส.ไปก็มีแท็กซี่ โทรมาให้ข้อมูลจำนวนมาก
ก่อนหน้านี้ ตำรวจกองปราบปรามแถลงการจับกูมผู้ต้องสัญชาติยูเครน ตระเวนนำบัตรเอทีเอ็มปลอม 40 ใบกดเงินตามตู้เอทีเอ็ม สร้างความเสียหายกว่า 3,000,000 บาท พร้อมบัตรอิเล็กทรอนิกส์ปลอมจำนวน 40 ใบ เป็นของกลางที่ตำรวจกองปราบปราบยึดได้จากนายโนมาน โพมาร์ เฮโก สัญชาติยูเครน หลังก่อเหตุใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ปลอมตระเวนกดเงินสดจากตู้เอทีเอ็ม สร้างความเสียหายกว่า 3,000,000 บาท
พันตำรวจเอกพันธนะ นุชนารถ รองผู้บังคับการกองปราบปราม เปิดเผยว่า ตำรวจได้รับการประสานงานจากธนาคารแห่งหนึ่งว่ามีชาวต่างชาติในจังหวัดลำปาง และกระบี่ รวมตัวกันปลอมข้อมูลบัตรอิเล็กทรอนิกส์แล้วนำไปกดเงินตามตู้เอทีเอ็มในพื้นที่กรุงเทพฯ จึงสืบสวนสอบสวนกระทั่งพบผู้ต้องหากำลังกดเงินจากตู้เอทีเอ็มในซอยลาดพร้าว 64 นานผิดปกติโดยใช้บัตรกว่า 10 ใบ เมื่อขอตรวจค้นในกระเป๋าไม่พบหนังสือเดินทาง แต่พบบัตรอิเล็กทรอนิกรวม 40 ใบ
เบื้องต้นผู้ต้องหา ยังให้การปฏิเสธ แต่ตำรวจพบข้อมูลว่า ได้เข้ามาในประเทศไทยพร้อมกับเพื่อนอีก 1 คนที่ยังหลบหนี ตั้งใจเข้ามาก่อเหตุนี้โดยเฉพาะ เพื่อนที่หลบหนีแนะนำให้ร่วมก่อเหตุและให้ติดต่อกับชายที่ขายบัตรอิเล็กทรอนิกส์ปลอมพร้อมรหัสในราคา 1,000 ดอลล่าร์สหรัฐ จากนั้นบัตรทั้งหมดถูกส่งมาทางไปรษณีย์ และพบว่าเคยก่อเหตุมาแล้ว 3 ครั้ง ตำรวจแนะนำ ผู้ที่ใช้บัตรเครดิต หรือบัตรเอทีเอ็ม ระมัดระวังในการใช้กดเงินหรือซื้อสินค้า โดยต้องคอยตรวจสอบว่าเจ้าของร้านนำบัตรเครดิตไปคัดลอกข้อมูลระหว่างจ่ายค่าสินค้าเพื่อป้องกันการถูกคัดลอกข้อมูลไปไปปลอม.