+++การส่งความเห็นและข้อเสนอแนะของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) ต่อร่างรัฐธรรมนูญ ให้คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.)พิจารณาทบทวน นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานสนช. กล่าวว่า คณะกรรมาธิการสามัญพิจารณาศึกษาเสนอแนะและรวบรวมความเห็นเพื่อจัดทำร่างรัฐธรรมนูญ สนช. ได้รวบรวมความเห็นของสมาชิก สนช. และบุคคลภายนอกที่ได้เสนอแนะความเห็นต่อร่างรัฐธรรมนูญเสร็จเรียบร้อยแล้ว จะนำเข้าสู่ที่ประชุม สนช.ในวันพรุ่งนี้ เพื่อให้สมาชิกลงมติเห็นชอบ ก่อนส่งให้ กรธ.ภายในวันที่ 15 ก.พ. โดยข้อเสนอที่จะส่งให้กรธ.มีอยู่ประมาณ 20 ประเด็น เช่น การเสนอแนะให้ปรับปรุงเนื้อหาเกี่ยวกับโครงสร้างทางการเมือง การปรับปรุงเรื่องสิทธิและเสรีภาพของปวงชนชาวไทย ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ และสิทธิมนุษยชนที่ยังขาดหายไปในร่างรัฐธรรมนูญจึงควรปรับปรุงเพื่อให้รัฐธรรมนูญมีความเป็นสากลมากขึ้น เชื่อว่า กรธ.จะทบทวนในสิ่งที่ สนช.เสนอไป เพื่อปรับปรุงร่างรัฐธรรมนูญให้ออกมาดีที่สุด
+++ส่วนหลักเกณฑ์การทำประชามติ กกต.จะต้องไปร่างมา เพื่อส่งให้ สนช.ให้ความเห็นชอบ ซึ่งกกต.ควรส่งมาให้ สนช.พิจารณาภายหลังที่มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญชั่วคราวเสร็จแล้ว ส่วนการรณรงค์ประชามติเรื่องร่างรัฐธรรมนูญ ตามกฎหมายประชามติ ระบุว่า สามารถแสดงความเห็นได้ทั้งการรับร่างและไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ นายสุรชัย กล่าวว่า อย่าไปคิดว่าจะห้ามรณรงค์คว่ำร่างรัฐธรรมนูญ แต่การรณรงค์ ต้องอยู่ในเกณฑ์ตามที่กฎหมายกำหนด
+++นายมีชัย ฤชุพันธ์ ประธานกรธ. กล่าวถึง กรณีนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ระบุว่า จะทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญในวันที่ 31 ก.ค.2559 ว่าคงอยู่ในช่วงนั้น อาจจะก่อนหรือหลังวันที่ 31 ก.ค.ประมาณ 1 สัปดาห์ก็ได้ ไม่มีปัญหา ส่วนถ้าไม่ผ่านจะนำรัฐธรรมนูญฉบับใดมาใช้ เป็นเรื่องของอนาคต และเป็นสิ่งที่รัฐบาลต้องคิด ไม่ใช่หน้าที่ของกรธ.ๆ เพียงแต่ทำปัจจุบันให้ดีที่สุด ผลประชามติออกมาอย่างไรค่อยว่ากันอย่ากังวล เมื่อถามว่าข้อเสนอของนายวิษณุ ที่ก่อนทำประชามติจะให้เปิดเวทีให้ประชาชน และพรรคการเมืองแสดงความเห็นร่างรัฐธรรมนูญกังวลหรือไม่ นายมีชัย กล่าวว่า ยังไม่เห็นรายละเอียด แต่ในสังคมประชาธิปไตยย่อมมีทั้งเห็นด้วย และเห็นต่าง แต่ขอให้อยู่ในกติกาไม่บิดเบือน
+++การสอบสวนความผิดฐานฟอกเงินและรับของโจรกรณีพระธัมชโย วัดพระธรรมกาย และพระเครือข่าย ซึ่งได้รับเช็คที่ได้มาจากการยักยอกทรัพย์ของนายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานบริหารสหกรณ์เครดิตยูเนียนคลองจั่น มูลค่ากว่า 2,000 ล้านบาท พ.ต.ท.สมบูรณ์ สาระสิทธิ์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดียักยอกทรัพย์สหกรณ์เครดิตยูเนียนคลองจั่น กล่าวว่า คดีดังกล่าวเป็นไปตามความเห็นของพนักงานอัยการที่ส่งเรื่องมายังดีเอสไอ เมื่อวันที่ 29 ม.ค. เพื่อให้ดำเนินการสอบสวน ขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนการพิจารณาดำเนินการ ในส่วนของวัดพระธรรมกายและเครือข่ายมีข้อเท็จจริงชัดเจนจากการสอบสวนเส้นทางการเงินก่อนหน้านี้ว่ามีการรับเช็คจำนวนดังกล่าวไปจริง หลังจากนี้ต้องสอบสวนว่าจะเข้าข่ายความผิดใดระหว่างฟอกเงินหรือรับของโจร โดยต้องพิสูจน์เจตนาเป็นหลัก ซึ่งกรณีการฟอกเงินคือต้องดูทั้งเจตนา มีมูลหนี้ต่อกันหรือไม่ หากไม่มีมูลหนี้ต่อกันก็ถือเป็นข้อสังเกตเรื่องเจตนาว่าต้องรู้หรือควรรู้ว่าเงินดังกล่าวได้มาจากการยักยอกหรือไม่ ส่วนกรณีรับของโจรต้องพิจารณาว่าได้รู้มาก่อนหรือไม่ว่าเงินดังกล่าวได้มาจากการกระทำผิด ซึ่งทั้ง 2 ข้อหามีอายุความต่างกัน โดยคดีฟอกเงินมีอายุความ 15 ปี ส่วนข้อหารับของโจรมีอายุความ 5 ปี พ.ต.ท.สมบูรณ์ คาดว่าจะใช้เวลาสอบสวนอีกไม่มาก ภายในเดือนก.พ.นี้น่าจะสามารถชี้มูลความผิดได้
+++พนักงานสอบสวน สน.สถานีรถไฟธนบุรี นำสำนวนในคดีมั่วสุมหรือชุมนุมทางการเมือง ณ ที่ใด ๆ ที่มีจำนวนตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป อันเป็นการฝ่าฝืนคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ฉบับที่ 3/2558 มาส่งต่ออัยการศาลทหาร โดยในวันนี้มี น.ส.กรกนก คำตา นายกิตติธัช สุมาลย์ นายวิจิตร หันหาบุญ นายวิศรุต อนุกุลการย์ และนายอานนท์ นำภา เดินทางมารายงานตัว ขาดนายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ น.ส.ชนกนันท์ รวมทรัพย์ น.ส.ชลธิชา แจ้งเร็ว นายกรกช แสงเย็นพันธ์ นายอภิสิทธิ์ ทรัพย์นภาพันธุ์ ที่ไม่เดินทางมารายงานตัว ส่วนนายธเนตร อนันตวงษ์ ได้หลบหนีคดี พนักงานสอบสวนได้ขออนุมัติหมายจับเลขที่ 10-14/2559 กับบุคคลที่ยังไม่มารายงานตัว เพื่อประกอบสำนวนคดี ส่งให้อัยการในการดำเนินคดีต่อไป
+++ผลสำรวจพฤติกรรมการใช้จ่ายของผู้บริโภคช่วงเทศกาลวันวาเลนไทน์ จาก 1,207 ตัวอย่างทั่วประเทศ นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า บรรยากาศวันวาเลนไทน์ปีนี้คึกคักมากขึ้นกว่าปีที่แล้ว เพราะมีความคาดหวังว่าเศรษฐกิจจะดีขึ้นจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐที่กำลังออกมาอย่างต่อเนื่อง และมีสถานที่ท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น คาดว่าจะมีเงินสะพัดถึง 3,675 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 4.6 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นการขยายตัวสูงสุดในประวัติการณ์ โดยเฉลี่ยจะใช้จ่ายคนละ 2,258 บาท ซื้อของขวัญเฉลี่ยคนละ 1,990 บาท การซื้อดอกไม้เฉลี่ยคนละ 490 บาท และไปทานข้าวนอกบ้าน เฉลี่ยคนละ 2,500 บาท
+++หุ้นไทย ปิดตลาด 1,280.74 จุด ลดลง 24.00 จุด มูลค่าการซื้อขาย 45,363.34 ล้านบาท ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวลงแรงตามตลาดในยุโรปที่ร่วงลง หลังจากบริษัทขนาดใหญ่ในยุโรป ประกาศผลการดำเนินงานออกมาต่ำกว่าคาด โดยเฉพาะธนาคารโซซิเอเต เจเนอราล (ซอคเจน) และยังมีความกังวลเกี่ยวกับการผิดนัดชำระหนี้ของกลุ่มแบงก์ด้วยจากปัญหาของดอยซ์แบงก์ ส่วนเรื่องที่เกาหลีเหนือ ตัดสินใจปิดเขตนิคมอุตสาหกรรมแกซองที่ทำร่วมกับเกาหลีใต้ รวมทั้งยกเลิกการสื่อสารผ่านกองทัพ และช่องทางอื่น ๆ กับเกาหลีใต้เป็นปัจจัยกดดันตลาดฯ เพียงเล็กน้อย
+++การลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศ ดัชนีนิเคอิ ตลาดหุ้นโตเกียวญี่ปุ่น ลดลง 372.05 จุด ปิดที่ 15,713.39 จุด ฮั่งเส่ง ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 742.37 จุด 18,545.80 จุด
+++ความคืบหน้าการรักษาชายชาวโอมานที่ป่วยด้วยโรคระบบทางเดินหายใจตะวันออกกลาง หรือ เมอร์ส นพ. โสภณ เมฆธน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข แถลง ว่า หลังจากที่ผู้ป่วยเดินทางเข้ามายังประเทศไทย เมื่อวันที่ 22 ม.ค. และมีการส่งต่อเข้ามารักษาต่อที่สถาบันบำราศนราดูร เมื่อวันที่ 23 ม.ค. ล่าสุดจากการตรวจสอบด้วยวิธีชีวโมเลกุลทางห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ของสถาบันบำราศฯ ที่จุฬาลงกรณ์ และที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ให้ผลยืนยันตรงกันว่าเป็นลบ ผู้ป่วยปลอดจากเชื้อเมอร์สแล้ว ส่วนผลการตรวจหาชื้อเมอร์ส ในลูกชายที่เดินทางมาพร้อมกัน ซึ่งถือเป็นผู้มีความเสี่ยงสูงก็ไม่พบเชื้อเมอร์สเช่นเดียวกัน แพทย์จึงได้จำหน่ายออกจากสถาบันฯ เมื่อเวลา 15.00 น. วันนี้ และจะเดินทางกลับประเทศโอมานด้วยเที่ยวบินปกติในคืนนี้ กระทรวงสาธารณสุข ได้ออกหนังสือรับรองทางด้านสุขภาพ เพื่อยืนยันว่าผู้ป่วยรายดังกล่าวปลอดจากเชื้อเมอร์ส สามารถเดินทางร่วมกับผู้โดยสารคนอื่นๆได้ ซึ่งเป็นไปตามกฎอนามัยระหว่างประเทศ
+++สำหรับผู้สัมผัสโรคที่มีความเสี่ยงสูง เช่น คนขับแท็กซี่ เจ้าหน้าที่โรงแรม เจ้าหน้าที่ในโรงพยาบาลเอกชน และผู้ร่วมเดินทางมาในเที่ยวบินเดียวกันนั้นได้รับการจำหน่ายออกจากห้องแยกโรคแล้ว ตั้งแต่เมื่อวันที่ 5-6 ก.พ. เมื่อติดตามไปยังที่พักอาศัยก็พบว่าทุกรายอาการเป็นปกติ ไม่มีรายใดมีอาการป่วย
+++ผู้โดยสารตกค้างอยู่ที่สนามบินของญี่ปุ่น ต่างเข้าแถวรอเพื่อที่จะเดินทางต่อไปได้แล้วในวันนี้ หลังจากเที่ยวบินต้องถูกระงับ จากพายุหิมะโหมกระหน่ำลงมาอย่างหนัก ส่งผลให้นักท่องเที่ยวที่จะไปชมเทศกาลหิมะซัปโปโร ต้องติดค้างอยู่ตามสนามบินเมื่อวานนี้ โดยที่สนามบินนิว ชิโตเสะ เที่ยวบินถึง 82 เที่ยว ถูกระงับ เพื่อให้เจ้าหน้าที่เก็บกวาดกองหิมะออกจากทางวิ่ง
CR:แฟ้มภาพ