*พิสูจน์หลักฐานพบDNA3บุคคลในบ้านพักย่านรามคำแหงของคนร้ายฆ่าหั่นศพชาวสเปน*

คดีฆ่าหั่นศพนายเดวิด เบอร์นาร์ด นักธุรกิจชาวสเปน  พลตำรวจตรีธวัชชัย เมฆประเสริฐสุข ผู้บังคับการกองพิสูจน์หลักฐานกลาง ยืนยันว่า ได้ผลดีเอ็นเอมนุษย์ 3 คนเป็นผู้ชาย 2 คน และผู้หญิง 1 คน จากบ้านพักย่านรามคำแหง ซึ่งเป็นส่วนที่เก็บได้จากก้นบุหรี่ แต่ต้องรอการเทียบเคียงจากดีเอ็นเอของผู้ต้องหา และผู้เสียชีวิต ว่าจะมีความเชื่อมโยงกันหรือไม่  ส่วนการเก็บหลักฐานที่ตู้แช่เแข็ง และอ่างอาบน้ำ รอบที่2 รวมทั้งรถจักรยานยนต์ ยังอยู่ระหว่างการรอผลตรวจพิสูจน์ว่าจะเป็นดีเอ็นเอของบุคคลใด ก่อนนำมาเทียบเคียงกับผู้ต้องหา และผู้เสียชีวิต อีกครั้งว่าจะมีความเกี่ยวข้องหรือไม่

พลตำรวจโทมนู เมฆหมอก ผู้บัญชาการสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบดีเอ็นเอในที่เกิดเหตุทั้ง 3 แห่ง คือ บ้านพักในซอยรามคำแพง 174 คอนโด ย่านพระราม 9 และ คอนโด สุขุมวิท ซอย.8 ซึ่งมีพยานหลักฐานจำนวนมาก  ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ระหว่างรอผลการตรวจสอบ และคาดว่าภายในสัปดาห์นี้จะทราบผลที่ชัดเจน

ขณะที่ พลตำรวจเอกจักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่ายังไม่ได้รับผลตรวจสอบทางนิติวิทยาศาสตร์ จากสำนักงานพิสูจน์หลักฐาน นับว่า หลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์มีความสำคัญเพื่อดำเนินคดีกับนายอาเธอร์ เซการ่า ปริ๊นเซป หรือ อาตูร์  ผู้ต้องหา ขณะเดียวกันชุดสืบสวนยังคงเก็บรวบรวมพยานหลักฐานอื่นให้มีความแน่นหนามากขึ้น  มั่นใจว่านายอาร์ตูร์ จะต้องถูกดำเนินคดีอย่างแน่นอน เนื่องจากนายเดวิด อยู่กับนายอาร์ตูร์เป็นคนสุดท้ายก่อนเกิดเหตุ รวมถึงตำรวจยังได้หลักฐานเป็นภาพจากกล้องวงจรปิด ที่ระบุว่านายอาร์ตูร์เข้าไปซื้อสินค้าชนิดหนึ่ง จากร้านขายอุปกรณ์ก่อสร้าง ส่วนจะเป็นอุปกรณ์ที่นำไปก่อเหตุหรือไม่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้  ส่วนประวัติของนายอาตูร์ที่มีกระแสข่าวอ้างว่าเกี่ยวข้องกับการฆาตกรรมในประเทศสเปน ขณะนี้ชุดสืบสวนกำลังตรวจสอบ และประสานข้อมูลจากทางการสเปน

ส่วนที่มีการอ้างอิง ผู้ต้องหา ให้สัมภาษณ์กับสื่อประเทศสเปน ระหว่างถูกควบคุมตัวและซัดทอดว่ามีผู้อื่นเป็นผู้ลงมือฆ่านายเดวิดขณะนี้ยังไม่ทราบเรื่องดังกล่าว ว่าผู้ต้องหาให้สัมภาษณ์ที่ใด เนื่องจากผู้ต้องหาอยู่ในความควบคุมของตำรวจตลอดเวลารวมถึง การให้ปากคำกับทางการกัมพูชา ระหว่างถูกควบคุมตัวว่ามีการโอนเงินจำนวนมาก ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ระบุว่ายังไม่ทราบเรื่องนี้ แต่จะเป็นคำให้การในประเทศกัมพูชาหรือไม่ ยังไม่ได้มีการประสารข้อมูลกัน ขณะที่ คำให้การปฏิเสธ หรือไม่ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ และตั้งทนายขึ้นมาต่อสู่คดี ถือว่าเป็นสิทธิของผู้ต้องหา