ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 08.30 น.
+++ฟังคำชี้แจงจาก พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ในฐานะผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร เป็นประธานการจัดงานสรุปผลการปฏิบัติงาน ประจำปี 2558 และแถลงแผนการปฏิบัติงาน ประจำปี 2559 ของ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร หรือ กอ.รมน. โดยมี คณะกรรมการ กอ.รมน. หน่วยขึ้นตรง กอ.รมน. และผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม โดยพลเอกประยุทธ์ได้กล่าวขอบคุณข้าราชการทุกคน ที่ร่วมมือการทำงานมาตลอดปีที่ผ่านมา พร้อมฝากให้ข้าราชการ สลายสีรวมกันเป็นน้ำหนึ่งใจเดียว ลดอัตตา แล้วจึงนำประชาชนมาร่วมมือ เพื่อแก้ไขปัญหาด้านความมั่นคง และบูรณาการร่วมกับกลุ่มงานอื่น เพื่อแก้ไขปัญหาประเทศอย่างยั่งยืน ทั้งยังย้ำเตือนต้องไม่ให้เกิดปัญหาการทุจริต ยืนยันส่วนตัวเชื่อมั่นในข้าราชการทุกคน ส่วนถึงการจับกุมขบวนการลักลอบปลอมแปลงพาสปอร์ตที่ทำในไทยมากกว่า 25 ปี ว่ามีการปล่อยปละละเลย ให้มีการกระทำเช่นนี้ได้อย่างไร ดังนั้นในระหว่างที่รัฐบาลนี้ ทำหน้าที่อยู่ จะต้องเคลียร์ประเทศให้ได้
+++ส่วนการแสดงออกเรื่องการใช้อารมณ์ของตนเอง โดยยอมรับว่ามีทั้งคนที่เข้าใจและไม่เข้าใจ ส่วนตัวก็ได้พยายามปรับปรุงแก้ไขตัวเองแล้ว แต่ก็ต้องขอให้รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องช่วยเหลือด้วย ระบุทหารโมโหง่ายแต่ก็พร้อมปรับปรุงแก้ไข ส่วนตำรวจก็ต้องทำตนให้เป็นที่รักของประชาชนให้ได้ ต้องทำงานด้านมวลชน ควบคู่กับงานประจำที่ต้องบังคับใช้กฎหมายให้ได้
+++ปัญหาการก่อการร้ายนั้น วันนี้ถือว่าเป็นที่สำคัญที่สุดในด้านความมั่นคง อย่าคิดว่าบ้านเราปลอดภัย เพราะไม่มีประเทศใดในโลกที่ปลอดภัย ดังนั้นรัฐบาลกำลังจัดเตรียมเทคโนโลยีและกล้องจับใบหน้าให้พอเพียงเพื่อรองรับการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน และอยากให้ระวังพวกสุดโต่งเพราะไม่อยากให้ประเทศไทยเป็นคู่ขัดแย้ง และทำตัวเป็นประเทศมีทางเลือก มีอิสระแต่ต้องทำตามพันธสัญญาโลก ส่วนต่างชาติบอกให้ไทยกลับมาสู่ประชาธิปไตยและเลือกตั้งโดยเร็ว ซึ่งจะเร่งให้ตามโรดแมป แต่ต่างชาติอาจคงไม่เข้าใจแต่ทุกคนต้องสร้างความเข้าใจในทุกมิติ พร้อมยืนยันว่าไม่ฝืนประชาธิปไตย ส่วนรัฐธรรมนูญมีปัญหาอย่างไร หรือจะอยู่ในบทเฉพาะกาลหรือไม่ให้ไปคิดมา
+++ประมูล4จี แหล่งข่าวจากธนาคารพาณิชย์ เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัท ทรูมูฟ เอช ยูนิเวอร์แซล คอมมิวนิเคชั่น (ทียูซี) ในเครือบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น และบริษัท แจส โมบาย บรอดแบนด์ ในเครือบริษัท จัสมิน อินเตอร์ เนชั่นแนล ซึ่งเป็นผู้ชนะการประมูลใบอนุญาตคลื่นความถี่ 900 MHz ได้เร่งติดต่อสถาบันการเงินทุกแห่ง รวมทั้งแบงก์รัฐ เพื่อขอเงินกู้ชำระเงินประมูลงวดแรกจำนวน 8,040 ล้านบาท พร้อมหนังสือรับรองทางการเงินจากสถาบันทางการเงิน (แบงก์การันตี) เต็มจำนวนตามมูลค่าโครงการรวม 1.51 แสนล้านบาท เนื่องจากจะครบกำหนดต้องวางเงินในวันที่ 21 มี.ค.นี้
+++นายเดชา ตุลานันท์ รองประธานกรรมการบริหาร ธนาคารกรุงเทพ กล่าวว่า การพิจารณาสินเชื่อของแจส โมบาย ไม่มีความคืบหน้า เนื่องจากธนาคารขอให้บริษัทส่งแผนการเงินและรายละเอียดทั้งหมดมาให้ งนี้ ก่อนการประมูลแจสขอวงเงินไว้ 4 หมื่นล้านบาท แต่เมื่อประมูลจริงราคาสูงขึ้นไปถึง 7.5 หมื่นล้านบาท ต้องให้ยื่นแผนมาใหม่ เพราะตัวเลขเปลี่ยนแปลง "ธนาคารกรุงเทพสามารถให้กู้รายเดียวได้ แต่ต้องการรายละเอียดเพิ่ม ซึ่งทางแจสยังไม่ส่งมาให้" ส่วนนายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน กล่าวว่า ทางผู้บริหารทรูได้ติดต่อขอสนับสนุนสินเชื่อ แต่ธนาคารได้ขอให้บริษัทส่งแผนการดำเนินธุรกิจเพิ่มเติม เพื่อส่งเข้าคณะกรรมการพิจารณาต่อไป และไม่สามารถให้เงินกู้ได้สูงเป็นหมื่นล้านบาท เพราะธนาคารไม่เน้นให้กู้รายใหญ่ และสามารถรับความเสี่ยงได้จำกัด
+++ นายฐากร ตันฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กล่าวถึงความคืบหน้าการจ่ายเงินค่าประมูลคลื่น 900 MHz ของ จัสมินกับทรู ว่าทั้งสองบริษัทยืนยันมาแล้วว่ากระบวนการทำแบงก์การันตีเสร็จสิ้นแล้ว รอเพียงเวลาฤกษ์ดีที่จะมาจ่ายเงินเท่านั้นด้านกลุ่มแจสก็มีการติดต่อเข้ามาโดยตลอด ทั้งการนำเข้าอุปกรณ์ การขอเข้าร่วมในการใช้สิทธิการย้ายค่าย
+++ ด้านนายสมชัย เลิศสุทธิวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารเอไอเอส เปิดเผยว่า หากที่สุดคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. จะนำคลื่นความถี่ 900 เมกะเฮิรตซ์ออกมาเปิดประมูลเพื่อให้บริการ 4 จีอีกรอบ เอไอเอสก็มีความสนใจที่จะเข้าร่วมประมูล แต่ราคาต้องเป็นไปด้วยความเหมาะสม ซึ่งราคาเบื้องต้นที่ กสทช.กำหนดว่าจะต้องไม่ต่ำกว่าราคาที่เคยประมูลได้ที่ 75,000 ล้านบาทนั้น ถือว่าไม่สอดคล้องกับการแข่งขัน เนื่องจากสภาพแวดล้อมทางการตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป
+++ ส่วนนายลาร์ส นอร์ลิ่ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารดีแทค กล่าวว่า ดีแทคกำลังติดตามแนวโน้มการนำคลื่นออกมาประมูลใหม่อย่างใกล้ชิด และแน่นอนว่ามีความสนใจที่จะเข้าร่วมหาก กสทช.จะเปิดประมูลใหม่จริงๆ แต่ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่โปร่งใส และราคาเริ่มต้นการประมูลควรจะต้องต่ำกว่าราคาที่เคยประมูลได้ไป เพราะสถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว การเปิดประมูลใหม่ก็ควรใหม่จริง ต้องปรับเงื่อนไขกันใหม่
+++ต้องอาบัติ พระธัมมชโย นายชยพล พงษ์สีดา รองผู้อำนวยการ พศ. เปิดเผยภายหลังการประชุมมหาเถรสมาคม (มส.) ว่ากรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้ทำหนังสือถึงผู้อำนวยการ พศ. เพื่อให้พิจารณาคดีของพระเทพญาณมหามุนี หรือพระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย และเจ้าคณะผู้ปกครองที่เกี่ยวข้องว่าเข้าข่ายกระทำผิดอาญาหรือไม่ จากกรณีที่พระธัมมชโยถือครองที่ดินและทรัพย์สินและกรณีของพระลิขิตสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ที่มีพระลิขิตให้พระธัมมชโยต้องอาบัติปาราชิก ซึ่งขณะนี้ พศ.ได้ทำร่างหนังสือเพื่อชี้แจงดีเอสไอไว้เรียบร้อยแล้ว และได้นำร่างหนังสือดังกล่าวเข้าที่ประชุม มส.เพื่อเสนอให้ มส.พิจารณา
+++สำหรับร่างหนังสือดังกล่าวได้ชี้แจงเกี่ยวกับคำถามที่ถูกถามเข้ามามากว่า ทำไม มส.ถึงไม่ออกคำสั่งให้พระธัมมชโย ปาราชิก ตามพระลิขิตสมเด็จพระสังฆราช ทั้งนี้ ขออธิบายว่าในขั้นตอนการพิจารณาความของคณะสงฆ์ ประชาชนทั่วไปอาจไม่เข้าใจ ซึ่งตามกฎ มส.ฉบับที่ 11 ว่าด้วยการลงนิคหกรรม คณะสงฆ์ได้กำหนดขั้นตอนการพิจารณา เหมือนฝ่ายบ้านเมือง โดยแบ่งเป็นศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ และศาลฎีกา โดย มส.จะเป็นศาลฎีกาทุกกรณี ส่วนศาลชั้นต้นและศาลชั้นอุทธรณ์ จะขึ้นอยู่กับสมณศักดิ์ของพระสงฆ์ที่ถูกกล่าวหา ยกกรณีตัวอย่างของพระธัมมชโยในขณะนั้นมีสมณศักดิ์ที่พระราชาคณะชั้นราช ดังนั้น ศาลชั้นต้นที่พิจารณาคือเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี โดยมีเจ้าคณะภาค 1 เป็นประธาน เมื่อระบุว่าเมื่อมีคดีทางโลกเกิดขึ้น คดีทางสงฆ์จึงต้องยุติเพราะกฎหมายบังคับไว้ กระทั่งจนถึงปี 2549 นายมานพ พลไพรินทร์ได้ถอนฟ้องไป เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานีรูปใหม่ จึงได้หยิบคำร้องของนายสมพร เทพสิทธิ มาพิจารณาต่อ แต่ด้วยคำร้องของนายสมพรไม่เป็นไปตามหลัก ขาดบางประเด็น และเป็นคุรุกาบัติ (อาบัติหนัก) เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี จึงไม่รับคำร้องดังกล่าว ได้เสนอคำร้องที่ไม่สมบูรณ์ไปยังเจ้าคณะภาค 1 รองเจ้าคณะภาค และเจ้าคณะใหญ่หนกลาง เพื่อให้ท่านรับทราบ เมื่อคำร้องไม่สมบูรณ์และผู้ร้องไม่ยื่นอุทธรณ์ภายใน 30 วัน และนายสมพรได้เซ็นรับทราบแล้ว ดังนั้น จึงถือว่าคดีของพระธัมมชโย สิ้นสุดในศาลชั้นต้นของคณะสงฆ์แล้ว
+++นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ กล่าวว่า หลังเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ได้รับตัวนายอาเธอร์ เซการ์รา ปริ๊นเซฟ อายุ 36 ปี ชาวสเปน ผู้ต้องหาคดีฆ่านายเดวิด เบอร์นาร์ด อายุ 43 ปี นักธุรกิจชาวสเปน โดยหลังจากการรับตัวทางเรือนจำได้ทำตามขั้นตอนปกติ คือ ตรวจร่างกาย พิมพ์ลายนิ้วมือ ทำประวัติผู้ต้องขัง จากการตรวจร่างกายของนายอาเธอร์ ไม่พบว่ามีโรคประจำตัว ทั้งนี้ นายอาเธอร์ไม่มีอาการเครียดแต่อย่างใด มีอารมณ์ปกติ และไม่ได้ร้องขอเรื่องใดเป็นพิเศษ เบื้องต้นพบว่าผู้ต้องขังใหม่รายนี้ แม้เป็นชาวต่างชาติ แต่สามารถพูดโต้ตอบกับเจ้าหน้าที่โดยใช้ภาษาไทยได้ในระดับหนึ่ง หลังจากผ่านขั้นตอนการรับตัวแล้ว ทางเรือนจำจะนำตัวนายอาเธอร์ไปคุมขังยังห้องขังเดี่ยวของแดนแรกรับ เพื่อความปลอดภัยของตัวผู้ต้องขัง โดยมีกล้องวงจรปิดและเจ้าหน้าที่คอยดูแลตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อความปลอดภัยจากผู้ต้องขังคนอื่นๆ หลังจากนั้นประมาณ 2 สัปดาห์ จึงจะคัดแยกประเภทผู้ต้องขังไปยังแดนอื่นตามขั้นตอนและระเบียบเรือนจำต่อไป
++++รายงานข่าวจากกรมราชทัณฑ์แจ้งว่า นายสุรพล แก้วภราดัย ผู้บัญชาการเรือนจำกลางบางขวาง ถูกคำสั่งย้ายให้ ไปปฏิบัติราชการ ประจำกรมราชทัณฑ์ เนื่องจากเมื่อวันที่ 23 มกราคม กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 (บช.ภ.1) จับกุมนายวุฒิชัย อ่อนตาจันทร์ อายุ 27ปี พร้อมเฮโรอีน 60 แท่ง น้ำหนัก 21 กิโลกรัม มูลค่า 50 ล้านบาท รับสารภาพว่า รับจ้างจากนายโอ๋ นักโทษในเรือนจำแห่งหนึ่งเป็นตัวกลางรับงาน ได้ค่าจ้าง 500,000 บาท เพื่อมารับยาเสพติด โดยจะรอให้นายโอ๋ โทรศัพท์มาสั่งการว่าจะให้นำยาเสพติดไปกระจายต่อยังผู้ค้าและผู้เสพรายย่อยในเขต จ.ปทุมธานี ชลบุรี กรุงเทพฯ และ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา จากการสืบสวนสอบสวนเจ้าหน้าที่พบว่า นายโอ๋ เป็นคนเดียวกับ นายยศพล แหกล้า อายุ 37 ปี ฉายามือปืนส่ายก้น ที่เคยก่อเหตุยิง น.ส.เกวลิน หงส์ทอง อายุ 28 ปี ว่าที่เจ้าสาว และนางวิมล หงส์ทอง อายุ 53 ปี ว่าที่แม่ยาย แล้วเดินส่ายสะโพกเยาะเย้ย โดยกล้องวงจรปิดจับภาพเอาไว้ได้ เหตุเกิดที่ร้านพีเอสโมดิฟาย เลขที่ 21/14 หมู่ 1 ต.ห้วยกะปิ อ.เมืองชลบุรี เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2556 จากการตรวจสอบประวัตินายยศพลพบว่าเคยถูกจำคุกมาแล้ว 3 ครั้ง ต่อมาศาลจังหวัดชลบุรี พิพากษาประหารชีวิต และศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น พร้อมให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทน 1,200,000 บาท และจ่ายค่าสินไหมให้แก่บุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะของนางวิมลอีก 2 คน เป็นเงิน 1,410,000 บาท โดยนายยศพลถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำกลางบางขวาง และมาก่อเหตุเป็นตัวการในการสั่งยาเสพติดดังกล่าว เจ้าหน้าที่จึงคุมตัวนายยศพล มาสอบสวน โดยให้การรับสารภาพ จึงอายัดตัวดำเนินคดีเพิ่ม พร้อมทั้งย้ายไปคุมขังที่เรือนจำกลางเขาบิน จ.ราชบุร
+++หลังจากกรณีดังกล่าว พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม สั่งการให้สืบสวนเชิงลึก จนกระทั่งพบว่ามีเจ้าหน้าที่เรือนจำ เข้าไปเกี่ยวข้องและปล่อยปละละเลยให้มีการใช้โทรศัพท์มือถือ ในเรือนจำกลางบางขวาง จึงจัดชุดปฏิบัติการพิเศษ เข้าจู่โจมตรวจค้น พบโทรศัพท์มือถือ กว่า 10 เครื่อง ต่อมา เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ นายวิทยา สุริยะวงค์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ขณะนั้น ได้ลงนามคำสั่งที่ 108/2559 ให้นายสุรพล ผู้บัญชาการเรือนจำกลางบางขวาง ไปปฏิบัติราชการ ประจำกรมราชทัณฑ์ พร้อมทั้งตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง และลงนามคำสั่งที่ 107/2559 ในวันเดียวกัน ให้นายเรืองศักดิ์ สุวารี รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ฝ่ายปฏิบัติการ ไปรักษาราชการแทนในตำแหน่งผู้บัญชาการเรือนจำกลางบางขวาง อย่างไรก็ดี มีรายงานว่า นายสุรพลตัดสินใจลาออกจากราชการ เนื่องจากจะเกษียณอายุราชการในเดือนกันยายน 2559
++++ต้องตามต่อ ด่านตรวจคนเข้าเมืองกระบี่ว่า ตั้งแต่เวลา 09.00 น.จนถึง 15.30 น. ไฟฟ้าภายในท่าอากาศยานกระบี่ อาคาร1 ไม่มีไฟฟ้าใช้ ส่งผลกระทบต่อการทำงานของเจ้าหน้าที่ประจำด่าน ตม.อย่างมาก เนื่องจากไม่สามารถตรวจสอบผู้โดยสารที่เดินทางเข้ามาที่บินตรงจากหลายประเทศประมาณ 2 พันคน ทำได้เพียงจุดเทียนและเจ้าหน้าที่เก็บข้อมูลลงในกระดาษ เพราะระบบไม่มีไฟฟ้าใช้ จากการตรวจสอบพบว่าเครื่องสำรองไฟของท่าอากาศยานเสีย ทั้งๆที่เป็นท่าอากาศยานนานาชาติ จึงควรที่จะมีความพร้อมมากกว่าที่เป็นอยู่
+++ การทำงานของด่านตรวจคนเข้าเมืองนั้น ต้องใช้ระบบอินเตอร์เน็ตในการตรวจเช็คข้อมูลทั้งด้านอาชญากรรมและประวัติบุคคลที่เป็นต่างชาติ วันนี้มีเครื่องจากกลุ่มสแกนดิเนเวีย 3 ลำ จีน 4 ลำ มาเลเซีย 4 ลำ ผู้โดยสารประมาณ 2,000 คน เจ้าหน้าที่ไม่สามารถกักไว้ได้ ต้องให้ออกจากสนามบิน ทั้งๆที่ไม่ได้ตรวจสอบประวัติ ซึ่งเป็นผลเสียต่อการทำงาน จึงอยากจะฝากทางผู้เกี่ยวข้องเข้ามาดูแลปัญหาที่เกิดขึ้น เพราะสนามบินต้องมีความพร้อมตลอด 24 ชม.
++++กรณีนายภัทรศักดิ์ เทียมประเสริฐ หรือดีเจเก่ง อายุ 35 ปี อดีตดีเจคลื่นวิทยุสวีทเอฟเอ็ม 89.5 ขับรถกระบะโตโยต้า วีโก้ สีดำ ทะเบียน ฌล 9645 กรุงเทพมหานคร ถอยหลังชนรถโตโยต้า ยาริส สีแดง ทะเบียน กษ 8399 ขอนแก่น ของนายกวินกาญจน์ ศรีฤาชา อายุ 32 ปี ถึง 3 ครั้ง บนถนนมิตรไมตรี จนรถคู่กรณีเสียหายยับเยิน แต่ครั้งแรกนายภัทรศักดิ์ปฏิเสธ อ้างว่าคู่กรณีขับรถชนท้ายรถตัวเอง แต่หลังจากมีผู้ถ่ายคลิปขณะเกิดเหตุมาเผยแพร่ จึงออกมายอมรับสารภาพ อ้างว่าถูกคู่กรณีขับรถปาดก่อน ถูกกระแสสังคมวิพากษ์วิจารณ์ในสังคมออนไลน์อย่างหนักจนถูกต้นสังกัดประกาศไล่ออกจากการเป็นดีเจ และถูกพนักงานสอบสวน สน.ดินแดง แจ้งข้อหาหนักหลายข้อหาและสั่งยึดใบขับขี่ 60 วัน ล่าสุด ดีเจเก่งกลับคำให้การในชั้น ศาลสู้คดีถอยรถชน เปิดเผยขึ้นที่ศาลแขวงพระนครเหนือ เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 10 ก.พ. ก่อนที่จะเข้าฟังการพิจารณาคดีที่ห้องเวรชี้ศาลอ่านและอธิบายคำฟ้องให้จำเลยฟัง พร้อมสอบคำให้การว่าจะรับสารภาพหรือปฏิเสธ ปรากฏว่านาย ภัทรศักดิ์แถลงให้การปฏิเสธและขอจัดหาทนายความเอง ศาลนัดพร้อมคู่ความทั้งสองฝ่ายวันที่ 7 มี.ค.นี้ เวลา 09.00 น. เพื่อกำหนดวันไต่สวนต่อไป