+++นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพูดคุยเรื่องการทำประชามติ เช่น คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) สำนักงบประมาณ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา กระทรวงมหาดไทย สำนักงานไปรษณีย์ไทย และผู้แทนรัฐบาล นายวิษณุ เปิดเผยว่า ที่ประชุมกำหนดวันลงประชามติ 31 ก.ค. 2559 และขอให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ปรับลดงบประมาณการลงประชามติให้เหลือประมาณ 3,000 ล้านบาท อาจจะใช้ระยะเวลาการลงประชามติ 08.00-16.00 น.และมอบหมายให้ กกต.จัดเวทีแสดงความคิดเห็นในเรื่องร่างรัฐธรรมนูญ
+++นายสมชัย ศรีสุทธิยากร ในฐานะตัวแทนกกต. เปิดเผยถึงเรื่องการจัดพิมพ์ร่างรัฐธรรมนูญเพื่อส่งถึงมือประชาชนว่าเรื่องดังกล่าวจะสามารถเปลี่ยนแปลงหลักการได้หรือไม่ เช่น อาจจะไม่ต้องส่งให้ถึงทุกครัวเรือน แต่ส่งไปเพียงแค่ในชุมชนที่สำคัญๆ ที่ทำการกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ห้องสมุด สถานศึกษาต่างๆในท้องถิ่น หรืออาจจะลดจำนวนพิมพ์เป็น 5 แสน – 1ล้านฉบับ เพื่อให้เกิดการประหยัดงบประมาณ เนื่องจากงบประมาณจะแบ่งเป็นงบประมาณที่ใช้ในการออกเสียงประชามติ งบประมาณที่ใช้ในการจัดพิมพ์ จัดส่งร่างรัฐธรรมนูญถึงประชาชนทั้งหมด 16.7 ล้านฉบับ และจัดสรรงบประมาณให้หน่วยงานต่างๆ ที่จะมาช่วยทำงานในการออกเสียงประชามติ รวมเป็นเงินงบประมาณ 4,100 ล้านบาท แต่ในส่วนของตัวเลขดังกล่าวสามารถเปลี่ยนแปลงได้
+++นายสมชัย กล่าวถึง การรณรงค์จะรับหรือไม่รับ สามารถกระทำได้โดยบริสุทธิ์ใจและเป็นเหตุเป็นผล ไม่ใช่ใช้เงินซื้อเสียงหรือใช้อิทธิพลข่มขู่ เมื่อถามว่าทหารและพรรคการเมืองสามารถเดินหน้ารณรงค์ให้คนออกมาทำประชามติได้หรือไม่ นายสมชัย กล่าวว่า ทุกฝ่ายสามารถรณรงค์ได้ ตราบใดที่ไม่ทำให้เกิดการได้เปรียบหรือเสียเปรียบ หรือเป็นการทำให้ไม่สุจริต เที่ยงธรรม และที่สำคัญต้องระวังไม่ให้ตกเป็นเครื่องมือของฝ่ายการเมืองในการสร้างความวุ่นวาย เพราะถือเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย ส่วนฝ่ายการเมืองที่แสดงความเห็นให้ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ ไม่ถือว่าเข้าข่ายผิดพ.ร.บ.กระทำผิดประชามติ เนื่องจากเป็นการแสดงความเห็นตามปกติ
+++ผลการประชุมมหาเถรสมาคม (มส.) ที่มีสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง วรปุญฺโญ) ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช เป็นประธาน ได้พิจารณา กรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) มีหนังสือสอบถามเรื่องการดำเนินการกับพระเทพญาณมหามุนี (พระธัมมชโย) เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ที่ต้องอาบัติปาราชิกจากคดียักยอกเงินและที่ดิน ตามพระลิขิตของสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชลงวันที่ 10 พ.ค.2542 ซึ่งมีมติของ มส.รับรองแล้ว หลังการประชุมสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ได้แจ้งว่า ที่ประชุมมหาเถรสมาคม ได้มีมติเรื่องดังกล่าวว่า พระธัมมชโย ไม่ต้องอาบัติปาราชิก เนื่องจาก คดียักยอกเงินและที่ดินตามพระลิขิตสมเด็จพระสังฆราช เรื่องได้ยุติที่ศาลชั้นต้นแล้ว รวมทั้งไม่มีการยื่นอุทธรณ์ นายชยพล พงษ์สีดา รองผู้อำนวยการพศ. กล่าวว่า ที่ประชุมมหาเถรสมาคมได้เห็นชอบร่างหนังสือชี้แจงดีเอสไอในกรณีดังกล่าว โดยจะส่งไปไม่เกินวันที่ 12 ก.พ.นี้ ร่างหนังสือมีใจความสำคัญว่า พศ.และ มส.ได้ตอบสนองต่อพระลิขิตของสมเด็จพระสังฆราช กรณีพระธัมมชโยอย่างเต็มที่ ซึ่งในช่วงปี 2542 - 2544 มส.ได้มีการประชุมหารือในเรื่องนี้นับ 100 ครั้ง การดำเนินคดีทางสงฆ์ ตามพ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ.2505 แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.2535 หากเปรียบในคดีทางโลกจะเริ่มต้นจากศาลชั้นต้น โดยมีเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี รองเจ้าคณะภาค และเจ้าคณะภาค ร่วมกันพิจารณา ซึ่งในช่วงปี 2542 ที่มีการยื่นฟ้องคดีทางสงฆ์กล่าวหาพระธัมมชโย คณะพิจารณาของศาลชั้นต้นทางสงฆ์ไม่รับคำร้องของผู้ยื่นฟ้องคดี เนื่องจากคำร้องไม่สมบูรณ์และศาลชั้นต้นทางสงฆ์ได้เปิดโอกาสให้อุทธรณ์ภายใน 30 วัน แต่ผู้ยื่นฟ้องคดีไม่มายื่นอุทธรณ์และได้ถอนฟ้องไป 1 คน ทำให้การพิจารณาคดีในทางสงฆ์ต้องยุติลง เมื่อคดียุติลงจึงไม่มีการพิจารณาไปถึงกระบวนการที่ชี้ชัดว่า พระธัมมชโย อาบัติ ปาราชิก หรือไม่ ดังนั้น คดีทางสงฆ์จึงไปไม่ถึงการพิจารณาในขั้นเจ้าคณะใหญ่หนกลาง และมหาเถรสมาคม
+++ความคืบหน้าการตรวจสอบรถเบนซ์จดประกอบ ทะเบียน ขม 99 กรุงเทพมหานคร ที่มีชื่อของ สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ หรือ สมเด็จช่วง เจ้าอาวาสวัดปากน้ำภาษีเจริญ ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช เป็นผู้ครอบครอง พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ เปิดเผยว่า การตรวจสอบเกือบเสร็จสมบูรณ์แล้ว รอเพียงผลตรวจเอกสารบางส่วน คาดว่าจะสามารถชี้แจงถึงการตรวจสอบทั้งหมดได้ในวันที่ 18 ก.พ.นี้ โดยการชี้แจงจะเปิดเผยรายละเอียดทั้งหมด พร้อมพยานหลักฐานที่มาที่ไปของการนำเข้า เพื่อให้เกิดความชัดเจน
+++คดีฆ่าหั่นศพ เจ้หาน้าที่ควบคุมตัวนายอาเธอร์ เซการ์รา ปริ๊นเซป ผู้ต้องหาคดีฆ่าหั่นศพนักธุรกิจชาวสเปนฝากขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า เรือนจำได้รับตัวนายอาร์เธอร์มาคุมขังเมื่อเวลา 14.50 น. จากนั้นได้ทำประวัติ ตรวจสุขภาพ ไม่พบบาดแผลตามร่างกายและไม่พบมีโรคประจำตัว ผู้ต้องหามีสภาพอารมณ์ดี สามารถสื่อสารเป็นภาษาไทยได้บ้าง ขณะนี้ถูกส่งตัวไปไว้ในแดนแรกรับเหมือนผู้ต้องขังใหม่ทั่วไป คดีนี้ผู้ต้องหาคดีอุกฉกรรจ์และประชาชนให้ความสนใจมาก ดังนั้น จึงได้แยกขังในห้องขังเดี่ยว เพื่อความปลอดภัยของผู้ต้องหาและสะดวกในการดูแลของเจ้าหน้าที่ เพราะในห้องขังเดี่ยวจะมีวงจรปิดที่สามารถติดตามพฤติกรรมได้ตลอด 24 ชั่วโมง โดยจะแยกขังในห้องขังเดี่ยวสักระยะ ส่วนการนำไปคุมขังรวมกับผู้ต้องขังอื่นจะพิจารณาตามความเหมาะสมอีกครั้ง ผู้ต้องหาไม่ได้ร้องขอสิ่งใดเพิ่มเติมจากเจ้าหน้าที่ แต่เรือนจำมีนักจิตวิทยาที่จะเข้าไปพูดคุยเพื่อเก็บข้อมูลทำเป็นประวัติของผู้ต้องขังเพื่อนำไปใช้ในการดูแลระหว่างการถูกคุมขังด้วย
+++ดัชนีหุ้นไทยปิดตลาดที่ 1,304.74 จุด เพิ่มขึ้น 0.78 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 30,807.05 ล้านบาท ดัชนีเคลื่อนไหวผันผวนตลอดวัน ปัจจัยลบภายนอกมีน้ำหนักกดดันหุ้นไทยเป็นระยะทั้งราคาน้ำมันดิบและเศรษฐกิจโลกมีความเสี่ยงสูง
+++การลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศ ดัชนีนิเคอิ ตลาดหุ้นโตเกียวญี่ปุ่น ลดลง 372.05 จุด 15,713.39จุด ตลาดหุ้นฮั่งเส่ง ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 105.08 จุด ที่ 19,288.17 จุด
+++แนวโน้มเศรษฐกิจการลงทุนและมุมมองการขับเคลื่อนของประเทศในปี 2559 นางสาวกิริฎา เภาพิจิตร ผู้อำนวยการด้านการวิจัยและคำปรึกษาระหว่างประเทศ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย(ทีดีอาร์ไอ) กล่าวว่า อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยปีนี้คาดว่าโตร้อยละ 3.5 จากที่ปีก่อนโตร้อยละ 3 ยอมรับว่าแม้จะเติบโตต่ำกว่าศักยภาพที่ควรขยายตัวได้ร้อยละ 4-5 แต่ก็ถือว่าเป็นระดับที่ยอมรับได้ โดยการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาล เป็นปัจจัยหลักที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในปีนี้ หลังจากที่รัฐบาลเริ่มมีความชัดเจนโครงการสาธารณูปโภคขนาดใหญ่ ซึ่งปีนี้เป็นปีที่เริ่มลงทุน และรัฐบาลจัดสรรงบเพื่อการลงทุนเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 20 และเร่งการเบิกจ่าย ทำให้มีความหวังว่าเศรษฐกิจปีนี้จะดีขึ้น
+++ส่วนภาคการส่งออกในปีนี้มีแนวโน้มดีขึ้นขยายตัวร้อยละ 0-1 จากปีก่อนที่หดตัวร้อยละ 5 โดยเห็นจากการส่งออกไปยังสหรัฐฯเริ่มฟื้นตัว และ ยังมีตลาดหลักคือ CLMV ซึ่งจะมาช่วยทดแทนการส่งออกไปจีนที่ชะลอตัวลง บวกกับราคาน้ำมันที่อยู่ในระดับต่ำ เป็นผลดีต่อประเทศไทย ซึ่งเป็นผู้นำเข้าน้ำมันรายใหญ่ บวกกับภาคการท่องเที่ยวที่ยังขยายตัวได้ดีเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญ
+++ทั้งนี้ ขอให้ติดตามปัจจัยเสี่ยงจากต่างประทศ คือ การชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน ว่าจะรุนแรงหรือไม่ รวมทั้งภาวะเศรษฐกิจยุโรปที่เริ่มเกิดปัญหากับสถาบันการเงิน ส่วนปัจจัยเสี่ยงในประเทศ คือภาวะภัยแล้งที่บั่นทอนกำลังซื้อของผู้มีรายได้น้อย
+++ศาลปกครอง ยกคำร้องที่ขอคุ้มครองชั่วคราวให้เลื่อนเลือกตั้งนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในวันพรุ่งนี้ มีเลือกตั้งนายกฯ ตามเดิม
+++ตำรวจและเจ้าหน้าที่การรถไฟของเยอรมนีอยู่ระหว่างวิเคราะห์ข้อมูลจากกล่องดำที่เก็บกู้มาจากรถไฟโดยสาร 2 ขบวนหลังชนกันในบริเวณทางโค้งแห่งหนึ่งที่รัฐบาวาเรียทางภาตใต้ เพื่อค้นหาสาเหตุของอุบัติเหตุครั้งนี้ มีคนเสียชีวิต 10 ศพและผู้บาดเจ็บอีก 80 คน ในจำนวนนี้สาหัส 18 คน ด้านเจ้าหน้าที่กระทรวงคมนาคมและตำรวจระบุว่าความเร็วที่กำหนดในจุดเกิดเหตุคือ 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่เบื้องต้นสันนิษฐานว่ารถไฟโดยสารขบวนแรกอาจจะพุ่งชนรถไฟขบวนที่สองโดยไม่มีการแตะเบรก เจ้าหน้าที่การรถไฟ ระบุว่า รางรถไฟมีการติดตั้งระบบเบรกอัตโนมัติ เพิ่งมีการตรวจสอบระบบเบรกเมื่อสัปดาห์ก่อน พบว่าไม่มีปัญหา