*รองนายกฯเผย 31 ก.ค.ลงประชามติร่างรธน.เร่งกระบวนการแก้รธน.ชั่วคราวภายใน 1เดือน*

การเตรียมเรื่องการลงประชามติ ร่างรัฐธรรมนูญ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายกฎหมาย กล่าวภายหลังการหารือถึงการจัดทำประชามติร่วมกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กตต.) กระทรวงมหาดไทย สำนักงบประมาณ สำนักงานกฤษฎีกา และ บริษัทไปรษณีย์ไทย จำกัด รวมถึงนายสุวพันธุ์ ตันยุวรรณะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ว่า ที่ประชุมมีผลสรุปเห็นว่าเรื่องนับคะแนนเสียงประชามติ ตามมาตรา 37 และมาตรา 37/1 ที่มีความขัดแย้งกัน มาตราดังกล่าว ในการออกเสียงประชามตินับจากผู้มีสิทธิออกเสียงเกินครึ่งของผู้มีสิทธิออกเสียง จำนวน 50 ล้านคน และครึ่งหนึ่งออกผู้ออกเสียง คือ จำนวน 25 ล้านคน ซึ่งไม่รู้ว่าใครที่ไม่ออกมาใช้สิทธิจะเห็นชอบด้วยหรือไม่  ขณะนี้ ยังหาข้อสรุปไม่ได้ ดังนั้นต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวในประเด็นดังกล่าว รวมถึงแก้ไขบางประเด็นอื่นๆด้วย ส่วนตัวไม่สามารถให้คำตอบได้ว่าจะแก้ไขประเด็นใดบ้าง เนื่องจากมีแก้ไขประเด็นผูกพันธ์อีกหลายมาตรา รวมถึงประเด็นการตั้งคำถามพ่วงประชามติด้วย

ส่วนกระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว นายวิษณุ คาดว่าจะต้องดำเนินการภายใน 1-2 วัน และจะสรุปให้กับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้รับทราบต่อไป ซึ่งกระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะแล้วเสร็จภายใน 1 เดือน ขณะเดียวกัน ที่ประชุมไม่ได้หารือถึงกรณีร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่านประชามติจะมีทางออกอย่างไร เนื่องจากที่ประชุมพิจารณาเพียงกรอบทำให้ประชามติเกิดความเรียบร้อย เป็นธรรม และไม่เป็นปัญหา เพราะไม่ใช้ผู้กำหนดนโยบาย  

นายวิษณุ กล่าวว่า เรื่องการพิมพ์และแจกจ่ายร่างรัฐธรรมร้อยละ 80 ของจำนวนครัวเรือน ได้ตัวเลขจำนวน 18.6 ล้านครัวเรือน ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายถึง 4,200 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นค่าใช้จ่ายเจ้าหน้าที่ 900 ล้านบาท ค่าจัดพิมพ์ 800-1,000 ล้านบาท และงานอื่นๆเกี่ยวกับการเผยแพร่ จัดเวที ธุรการ  2,400 ล้านบาท ซึ่งไม่เป็นที่เหมาะสม หากประเทศไทยยังมีการสนับสนุนให้ทำประชามติบ่อยครั้ง

ที่ประชุมให้แนวทางกกต. ลดค่าใช้จ่าย ในการแก้ไขในประเด็นแจกจ่ายร่างรัฐธรรมนูญกว่าร้อยละ 80 ซึ่งในต่างประเทศ ไม่ได้กำหนดให้มีการพิมพ์แจกมากขนาดนั้น และมีการใช้อินเตอร์เน็ต สื่อโซเซียลมีดีย และจากประสบการณ์ พบว่า ไม่มีคนอ่านร่างรัฐธรรมนูญบางส่วนอ่านแล้วไม่เข้าใจ จึงต้องหาวิธีคิดให้ประชาขนเข้าถึงได้รวดเร็วและง่ายต่อการอ่าน แต่ยังไม่มีข้อสรุป

นายวิษณุ กล่าวว่า ส่วนวันลงประชามติกำหนดไว้วันอาทิตย์ที่ 31 กรกฎาคม แค่อาจจะช้าหรือเร็ว 1 สัปดาห์วัน และขยายปิดหีบตั้งแต่ 08.00-16.00 น. ซึ่งการขยายถือเป็นการค่าตอบแทนให้กับเจ้าหน้าที่เพิ่มเติม อีกทั้งกฏเกณฑ์และบทลงโทษเกี่ยวกับการทำประชามติยังไม่ชัดเจน ที่ประชุมจึงมอบหมายให้ กกต.ยกร่างหลีกเกณฑ์ดังกล่าวมาให้รัฐบาลก่อน อาจจะใช้มาตรา 44 หรือ พ.ร.ก. หรือ พ.ร.บ. หรือ ประกาศเช่นเดิม แต่ต้องร่างให้แล้วเสร็จ เพราะต้องสอดคล้องกับรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว ขณะที่การรณรงค์ออกเสียงประชามติ จะต้องใช้มาตรการเดียวกันกับการออกเสียงการเลือกตั้ง แต่จะหลอกลวง บังคับ ขู่เข็ญ บิดเบือนเป็นเท็จไม่ได้ โดยยังแสดงความคิดเห็นได้แต่ต้องอยู่ในกรอบความสงบเรียบร้อย คัดค้านได้ แต่ต่อต้านไม่ได้ ซึ่งที่ประชุมได้มอบหมายให้กกต. จัดเวทีหากไม่เห็นด้วย