นายกฯ แถลงแผนการปฏิบัติงานปี 2559 เน้นการปฏิบัติให้เป็นจริง

10 กุมภาพันธ์ 2559, 11:46น.


ในการสรุปผลการปฏิบัติงาน ประจำปี 2558 และแถลงแผนการปฏิบัติงาน ประจำปี 2559 ของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในฐานะผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร กล่าวขอบคุณข้าราชการทุกคนที่ร่วมกันทำงานมาตลอดปีที่ผ่านมา พร้อมฝากให้ข้าราชการ สลายสีและรวมกันเป็นน้ำหนึ่งใจเดียว แล้วนำประชาชนมาร่วมมือ เพื่อแก้ไขปัญหาด้านความมั่นคง มีการประสานการทำงานร่วมกับกลุ่มงานอื่น เพื่อแก้ไขปัญหาประเทศอย่างยั่งยืน ทั้งย้ำเตือนว่าต้องไม่ให้เกิดปัญหาการทุจริต



ส่วนเรื่องการจับกุมขบวนการลักลอบปลอมแปลงพาสปอร์ตที่ทำในไทยมากกว่า 25 ปี พล.อ.ประยุทธ์ ระบุว่า ที่ผ่านมามีการปล่อยปะละเลย ให้มีการกระทำเช่นนี้ได้อย่างไร ดังนั้นในระหว่างที่รัฐบาลนี้ ทำหน้าที่อยู่ จะต้องเคลียร์ให้ได้ กับกล่าวถึงเรื่องการใช้อารมณ์โดยยอมรับว่า มีทั้งคนที่เข้าใจและไม่เข้าใจ ส่วนตัวก็ได้พยายามปรับปรุงแก้ไขตัวเองแล้ว แต่ก็ต้องขอให้รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีช่วยเหลือด้วย ทั้งกล่าวด้วยว่าทหารโมโหง่าย แต่ก็พร้อมปรับปรุงแก้ไข ส่วนตำรวจก็ต้องทำตนให้เป็นที่รักของประชาชนให้ได้ ต้องทำงานด้านมวลชน ควบคู่กับงานประจำที่ต้องบังคับใช้กฎหมาย



 ขณะที่การขึ้นภาษีบุหรี่ของกระทรวงการคลังที่มีผลบังคับใช้ในวันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า บุหรี่ขึ้นราคาซองละ 5-10 บาท แต่คนก็ยังไม่เลิกเพราะถือเป็นว่าความสุขของคนจน เหล้าก็เช่นกัน ซึ่งหากจะเลิกก็ควรเลิกด้วยตนเอง เพราะกฏหมายคงทำอะไรไม่ได้ แต่ส่วนตัวเห็นด้วยในการขึ้นราคาเพื่อให้ลดการสูบบุหรี่ลง แต่คงห้ามกันไม่ได้ เพราะจะกระทบกับการค้ากับต่างประเทศ อย่างไรก็ตามขอให้คิดก่อนสูบด้วย ว่าถ้าเอาอะไรสกปรกลงไปในร่างกาย ก็จะติดไปแล้วจะตายทุกคน และยังเป็นหนี้อีก



ส่วนปัญหาการก่อการร้ายนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ระบุว่า ถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดของการทำงานด้านความมั่นคง เพราะไม่มีประเทศใดในโลกที่ปลอดภัย รัฐบาลกำลังจัดเตรียมเทคโนโลยีและกล้องจับใบหน้าให้พอเพียงเพื่อรองรับการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน และอยากให้ทุกคนระวังพวกสุดโต่ง เพราะไม่อยากให้ประเทศไทยเป็นคู่ขัดแย้ง และต้องวางตนเป็นประเทศที่มีทางเลือก มีอิสระแต่ต้องทำตามพันธสัญญาโลก ซึ่งเวลาส่วนตัวเดินทางต่างประเทศก็มีคนบอกว่าในไทยมีผู้ก่อการร้ายในประเทศและอันตรายที่สุดในอาเซียน เพราะนำแต่เรื่องปัญหา 3 จังหวัดชานแดนภาคใต้มาตัดสิน แต่ความจริงแล้วประเทศไทยมี ถึง 77 จังหวัด จะไปพูดแบบนั้นไม่ได้และฝ่ายความมั่นคงต้องไปชี้แจง



ส่วนการแก้ไขปัญหาหนี้ทั้งระบบ นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ควรมีการทำบัญชีรายจ่าย และที่สำคัญเริ่มแก้ไขปัญหาตนเอง และสร้างความเข้มแข็งในการลดหนี้โดยดำเนินชีวิตตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาปรับใช้ มิฉะนั้นจะเป็นเช่นเดียวกับหนี้ครูที่มีสูงถึง 2 ล้านล้านบาท

ส่วนความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาแรงงานต่างด้าว นายกรัฐมนตรี ระบุว่า มีความสำเร็จไปมาก และขณะนี้มีแรงงานจดทะเบียน 2 ล้านคนแล้ว ซึ่งควรทำให้ถูกกฏหมายและร่วมกับประเทศเพื่อนบ้านในการตรวจสอบ แต่ในประเทศจะต้องพัฒนาฝีมือแรงงานให้ได้ รวมถึงเรื่องค้ามนุษย์จะต้องแก้ไข เช่น การทำการประมงผิดกฏหมาย ซึ่งที่ผ่านมารัฐบาลได้ติดตามมาโดยตลอด ทั้งนี้ส่วนตัวจะไล่ติดตามงานของทุกหน่วยงาน เพราะการทำงานที่มาผ่านมา มีเพียงการแก้ไขกฏหมาย แต่ยังไม่ได้เสนอลงรายละเอียดในทางปฏิบัติ อีกทั้งปัญหาทุกเรื่องจะต้องตอบคำถามไอยูยู ได้ทั้งหมด



และในช่วงท้าย นายกรัฐมนตรี กล่าวขอบคุณ สปท สนช. กรธ. ในการทำงานเพื่อก่อให้เกิดการปฏิรูป และการทำงานในระยะต่อไปก็จะต้องกำหนดแผนการทำงานให้สอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ซึ่งในเรื่องรัฐธรรมนูญ นายกรัฐมนตรี อยากให้ดูเรื่องเจตนา ว่าร่างขึ้นมาเพื่ออะไร ไม่ใช่คิดว่าจะเป็นการสืบทอดอำนาจ และกล่าวด้วยว่า ตนเป็นทหาร ก็จะตายแบบทหาร ซึ่งเกิดมาเพื่อรับใช้ชาติ และประชาชนให้ดีที่สุด



..



ผสข.วิรวินท์ ศรีโหมด 

ข่าวทั้งหมด

X