*จนท.กันพื้นที่อาคารไฟไหม้ซ.นราธิวาสฯ18 รอพฐ.สอบละเอียด*

ความคืบหน้าเหตุไฟไหม้ อาคารพาณิชย์ 9 ชั้น ในซอยนราธิวาสราชนครินทร์ 18 พ.ต.อ. กิตติกร บุญสม รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 5 เพิ่มเติมกับจส.100ว่า  เสียชีวิต 1 ศพ ผู้บาดเจ็บ 5 คน  เป็นเจ้าหน้าที่และคนในบ้าน  หลังจากนี้คงต้องเข้ามาตรวจรายละเอียดเพิ่มเติม ลักษณะอาคารเป็นอาคาร 9 ชั้น ของคุณวิกรม อัยศิริ ชั้น 2 ไม่เสียหาย ไฟไหม้เสียหายตั้งแต่ ชั้น 3 ขึ้นไป สภาพเสียหายต้องให้พิสูจน์หลักฐานตรวจสอบเพิ่มเติม ทั้งนี้ ระหว่างการตรวจสอบพบว่า บริเวณชั้น 7 มีไฟปะทุขึ้นมาอีก เจ้าหน้าที่ใช้น้ำฉีดเพิ่ม ส่วนในตัวอาคารยังมีความร้อนสูงอยู่  เจ้าหน้าที่ได้ถอนกำลังออกมา กั้นพื้นที่ และจะต้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบอีกครั้งในวันพรุ่งนี้  

หลังเพลิงไหม้สงบลง เมื่อช่วงเวลาประมาณ 16.40 รถพยาบาลจากโรงพยาบาลบางปะกอก9อินเตอร์เนชั่นแนล ได้เข้าไปรับศพผู้เสียชีวิตภายในอาคาร โดยนำศพไปชันสูตรที่สถาบันนิติเวชวิทยา รพ.จุฬา

ส่วนบริเวณหน้าอาคาร ได้มีประกาศจากสำนักงานเขตยานนาวา ซึ่งประกาศให้อาคาร บริษัท ซี.เค.เรซิเดนท์ เป็นเขตเพลิงไหม้ โดยมีใจความว่า เมื่อวันที่5 ก.พ.2559 เวลาประมาณ 10.00 น. ได้เกิดเหตุเพลิงไหม้ขึ้นที่อาคาร บริษัท ซี.เค.เรซิเดนท์ จำกัด เลขที่ 42 ซ.นราธิวาสฯ18 แขวงช่องนนทรี เขตยานนาวา กรุงเทพมหานคร สำนักงานเขตยานนาวา ได้อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 56 แห่งพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 และมาตรา 57 แห่งพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2535 จึงประกาศและกำหนดให้อาคารบริษัท ซี.เค.เรซิเดนท์ จำกัด เป็นเขตเพลิงไหม้ภายใน 45 วัน นับตั้งแต่วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2559 ซึ่งเป็นวันที่เกิดเหตุเป็นต้นไป ห้ามทำการดัดแปลง ก่อสร้าง ซ่อมแซม รื้อถอน หรือเคลื่อนย้ายอาคารในอาคารข้างต้น ตามประกาศนี้ และผู้ที่ได้รับอนุญาติ ให้ทำการดัดแปลง ซ่อมแซม รื้อถอนหรือเคลื่อนย้ายอาคารให้ระงับการกระทำที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น

ส่วนตัวอาคารเจ้าหน้าที่ยังคงต้องนำสายยางลากเจ้าไปในตัวบ้านเพื่อฉีดน้ำหล่อเลี้ยง เนื่องจากยังมีกลุ่มควันลอยออกมาเป็นระยะ และเกรงว่าไฟอาจจะประทุขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง

นอกจากนี้ บ้านของผู้พักอาศัยบริเวณใกล้เคียง มีลักษณะเป็นบ้านเดี่ยว และตึกแถว ซึ่งบ้านบางหลังได้ปล่อยให้เป็นบ้านร้าง ไม่มีผู้พักอาศัยอยู่

ก่อนหน้านี้ ที่เจ้าหน้าที่กำลังทำงานช่วยกับดับเพลิง ได้ควบคุมตัวอาสากู้ภัยได้1คน เนื่องจากได้ขโมยนาฬิกาของผู้เสียชีวิตและถูกควบคุมตัวไปสอบปากคำที่สน.บางโพงพาง  เจ้าหน้าที่จึงได้นำตัวมาสอบสวนเพิ่มเติมที่สน.บางโพงพาง เบื้องต้น เจ้าหน้าที่อาสาคนดังกล่าว ให้การปฎิเสธว่า โดยอ้างว่าอาจติดมากับถุงมือ ขณะทำการดับเพลิง ซึ่งเจ้าหน้าที่ไม่เชื่อ และได้แจ้งข้อหา ลักทรัพย์ในที่มีเหตุเพลิงไหม้ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป พ.ต อ.นำเกียรติ ธีระโรจนพงษ์ ผกก.สน.บางโพงพาง ฝากประชาสัมพันธ์ว่า เรื่องนี้ผู้เสียหายไม่เอาเรื่อง  แต่ตำรวจเอาเรื่อง ผู้ต้องหาชื่อนายชัชชัย ศิริโรจน์ปัญญากุล อายุ 40 ปี 

ผู้สื่อข่าว: พนิตา สืบสมุทร