การออกคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)ที่ 5/2559 เรื่องมาตรการปรับปรุงประสิทธิภาพในการปฏิบัติราชการ พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. กล่าวว่ามาตรการนี้มีเป้าหมายเพื่อเป็นการเสริมแรงและให้กำลังใจผู้ปฏิบัติหน้าที่ราชการ ไม่ใช่การรังแกข้าราชการ อย่างที่สื่อมวลชนบางราย พยายามนำคำถามของข้าราชการบางส่วน มาเปิดประเด็น ในรายการข่าววิทยุ และอาจทำให้สังคมเข้าใจผิด ในแนวทาง ของรัฐบาล ซึ่งไม่แน่ใจว่าผู้นำเสนอมีสิ่งใดแอบแฝงหรือไม่ และข้าราชการทุกคนต้องมีหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบต่อบ้านเมืองและประชาชน จึงถูกคาดหวังจากสังคมว่า จะต้องเป็นผู้ที่มีวิชาความรู้ ซื่อสัตย์ เสียสละ คำนึงถึงประโยชน์ส่วนรวม และปฏิบัติงานด้วยความอุตสาหะ ดังนั้น การประเมินผลการปฏิบัติราชการจึงเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้คนที่มุ่งมั่นตั้งใจสามารถอยู่ได้ ไม่รู้สึกกดดัน และได้รับความเป็นธรรม เพราะใช้ฝีมือและความสามารถในการทำงาน เว้นแต่พวกที่ชอบวิ่งเต้น ไม่มีผลงานเท่านั้นที่จะรู้สึกว่าจะถูกรังแก
นายกรัฐมนตรี ยังระบุด้วยว่า การออกมาตรการดังกล่าวจะทำให้สังคมเห็นว่า รัฐบาลและ คสช. กระตุ้นให้ทุกภาคส่วนปรับตัวเพื่อรองรับการปฏิรูปประเทศ โดยเริ่มที่ตัวข้าราชการก่อน ที่ต้องทำงานอย่างหนักเพื่อให้ประชาชนเกิดความไว้วางใจ ไม่ได้มุ่งหวังจะทำลายข้าราชการ แต่กลับต้องการส่งเสริมความเข้มแข็ง ปลุกจิตสำนึก เสริมสร้างเกียรติและศักดิ์ศรี ให้เกิดความชัดเจนในการสร้างผลงานเพื่อความก้าวหน้า โดยมีหลักฐานและตัวชี้วัดที่ชัดเจน ไม่ให้นักการเมืองเข้ามาแทรกแซง แต่งตั้งเฉพาะพวกพ้อง เหมือนที่ผ่าน ๆ มา
พล.ต.สรรเสริญ กล่าวอีกว่า นายกรัฐมนตรี เรียกร้องให้สื่อมวลชนใช้วิจารณญาณ ในการนำเสนอข่าวโดยคำนึงถึงประโยชน์ของชาติบ้านเมืองเป็นสำคัญ หลีกเลี่ยงการรายงานข่าวบิดเบือนข้อเท็จจริงที่อาจสร้างความแตกแยก หรือวิพากษ์วิจารณ์แบบเลื่อนลอย โดยรัฐบาลและ คสช.จะติดตามการทำงานของสื่อมวลชน เช่นกัน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการสร้างความเข้าใจที่ผิดกับสังคมเช่นนี้อีก ส่วนกรณีที่สื่อหลายสำนักเสนอข่าวกรณีที่นายกรัฐมนตรี อารมณ์เสีย กับสื่อมวลชน หลังถูกซักถามเรื่องรัฐธรรมนูญนั้น พล.ต.สรรเสริญ ระบุว่า สาเหตุที่นายกรัฐมนตรี แสดงอารมณ์ฉุนเฉียวเนื่องจากรู้สึกกดดันในการทำหน้างาน เพราะเสมือนเดินอยู่คนเดียว และขอให้สื่อมวลชนนำเสนอข่าว และการทำหน้าที่ให้เป็นประโยชน์กับประเทศ และช่วยกันเดินหน้าประเทศต่อไป