มาตรการแก้ไขปัญหารถแท็กซี่ ที่ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศ พลตำรวจเอกจักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.)เป็นประธานการประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการแก้ไขปัญหารถแท็กซี่ที่ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศและการท่องเที่ยว ซึ่งมีผู้ร้องเรียนปัญหารถแท็กซี่ผ่านทางหมายเลข 1584 ของกรมการขนส่งทางบกกว่า 43,000 ราย เพิ่มขึ้นจากปี2557กว่าร้อยละ 50 ซึ่งปัญหาที่ได้รับการร้องเรียนเป็นอันดับหนึ่งคือ "การปฏิเสธผู้โดยสาร" ที่มีผู้ร้องเรียนมากถึง 22,000 ราย พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มองปัญหานี้เป็นเรื่องที่สำคัญในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว จึงได้เร่งรัดให้แก้ไขปัญหารถแท็กซี่ให้เป็นรูปธรรม โดยให้หน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้อง กวดขันจับกุม ผู้กระทำความผิดตามกฏหมายอย่างเคร่งครัด โดยให้ใช้มาตราการสูงสุดในการจับกุมผู้กระทำความผิด ร่วมทั้งเร่งประชาสัมพันธ์ให้นักท่องเที่ยวเข้าใจถึงขั้นตอนและวิธีการที่เหมาะสมในการโดยสารรถแท็กซี่
ส่วนกรณีผู้ขับแท็กซี่ที่กระทำผิดกฏหมายอาญาและทำลายภาพลักษณ์การท่องเที่ยวอย่างรุนแรง เช่นการทำร้ายร่างกาย ทำอนาจาร ปรับแต่งมิเตอร์ จะถูกดำเนินคดีและเพิกถอนใบอนุญาตทันที อีกทั้งยังให้จัดทำระบบเชื่อมโยงการจับกุมจากทุกหน่วยงานให้เป็นฐานข้อมูลเดียวกัน เพิ่มป้องกันไม่ให้ผู้ขับขี่รถแท็กซี่ทำผิดซ้ำ และยังให้ติดตามผลการปฏิบัติงานของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในทุกวันที่ 5 ของเดือน โดยเริ่มติดตามครั้งแรกวันที่ 5 มีนาคมนี้ ซึ่งการประชุมในวันนี้เป็นการวางมาตรการแก้ไขปัญหารถแท็กซี่กว่า 130,000 คันทั้งประเทศ ที่พลเอกประยุทธ์ มีความเป็นห่วง เนื่องจากได้รับเรื่องร้องเรียนจากชาวไทยและชาวต่างชาติเป็นจำนวนมาก ซึ่งจะมีการลงนามทำข้อตกลงร่วมกันเพื่อรับทราบแนวทางการแก้ไขปัญหา พร้อมฝากถึงผู้ขับขี่รถแท็กซี่ว่าอาชีพนี้เป็นอาชีพที่เป็นหน้าตาของประเทศในการต้อนรับนักท่องเที่ยว และสามารถเป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริมการท่องเที่ยวให้นักท่องเที่ยวอยากเดินทางมายังประเทศไทย ซึ่งการแก้ไขปัญหาดังกล่าวจะเร่งดำเนินการให้เห็นผลเร็วที่สุด อีกทั้งในส่วนผู้มีอิทธิพลและข้าราชการในพื้นที่ต่างๆที่เข้ามามีผลประโยชน์กับรถแท็กซี่ในยุคของตัวเองก็ลดน้อยลง และมองว่าน่าจะมีการกำหนดรูปแบบสีของรถแท็กซี่ในประเทศไทยให้เป็นสากลเพราะปัจจุบันในประเทศมีรถแท็กซี่หลายสี หลายแบบ ทำให้หาตัวผู้ที่กระทำความผิดได้ยาก ทั้งนี้ การปฏิบัติการดังกล่าวจะเริ่มดำเนินการใน6 พื้นที่ที่เป็นปัญหา ซึ่งได้แก่ ทั่วพื้นที่ในเขตกรุงเทพมหานคร ย่านศูนย์การค้า และแหล่งท่องเที่ยวสำคัญในจังหวัดต่างๆ เช่น ภูเก็ต พัทยา เกาะสมุย รวมถึงบริเวณท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ท่าอากาศยานดอนเมือง
ผู้สื่อข่าว:พนิตา สืบสมุทร