ในการที่พลตำรวจเอกพงศพัศ พงษ์เจริญ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วยเจ้าหน้าจากสถาบันนิติเวชโรงพยาบาลตำรวจ กองพิสูจน์หลักฐาน ชุดสืบสวน และนางสาวกาญจนา อ่อนสา,นายศรี ขันติเนตร ภรรยาและพ่อของบุคคลที่สูญหาย ร่วมลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบชิ้นส่วนมนุษย์ ที่พบบริเวณแม่น้ำเจ้าพระยา ในเขตพื้นที่ของตำรวจภูธรภาค1
นางสาวกาญจนา เล่าว่า นายเกียรติศักดิ์ ขันติเนตร สามีหายไปจากที่ทำงาน ที่จังหวัดระยองตั้งแต่วันที่ 22 มกราคม เมื่อทราบข่าวว่ามีผู้พบพบชิ้นส่วนมนุษย์ จึงเข้ามาขอตรวจสอบว่าเป็นสามีหรือไม่ ซึ่งจากการดูชิ้นส่วนอวัยวะที่พบในวันนี้ เห็นว่า ไม่น่าจะใช่สามี เพราะสามีมีเท้าใหญ่ เล็บใหญ่ และจะมีกระดูกนูนออกมาอย่างชัดเจน ไม่ตรงกับชิ้นส่วนที่พบ แต่ยังต้องรอผลการตรวจดีเอ็นเอ เพื่อยืนยันอีกครั้ง

ด้านพลตำรวจเอกพงศพัศ กล่าวว่าชิ้นส่วนที่พบในวันนี้จะนำไปตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอ หากเนื้อเยื่อมีความสมบูรณ์เพียงพอก็จะสามารถรู้ผลว่าใช่บุคคลที่หายไปหรือไม่ แต่ถ้าหากเนื้อเยื่อไม่สมบูรณ์จะใช้ไขกระดูกในการตรวจ ซึ่งต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง ซึ่งแพทย์นิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ เผยว่าชิ้นส่วนที่พบในช่วงหลายวันมานี้ จะเป็นชิ้นส่วนที่มาจากคนคนเดียวกัน เพราะลักษณะแต่ละชิ้นมีความคล้ายกัน ระยะเวลาใกล้เคียงกัน ในเบื้องต้นนี้ คาดว่าจะเป็นชาวเอเชีย แต่ยังไม่สามารถระบุได้ว่าประเทศใด แต่น่าจะเป็นชาย อายุประมาณ 40 ปี มีขนตามร่างกายเยอะ โดยจะประสานไปยังกรมเจ้าท่า เพื่อขอตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณสะพานต่างๆ ในพื้นที่รับผิดชอบของตำรวจภูธรภาค 1 รวมถึงตรวจสอบทิศทางของกระแสน้ำ ช่วงเวลาน้ำขึ้นน้ำลง ประกอบกับการสอบปากคำผู้ที่พบชิ้นส่วนต่างๆ ส่วนสาเหตุการเสียชีวิตนั้น ยังไม่ตัดประเด็นใดทิ้ง แต่จะต้องวิเคราะห์ก่อนว่าบุคคลที่เสียชีวิตเป็นใคร จึงสืบหาสาเหตุของการเสียชีวิตได้ และเชื่อว่าคนร้ายน่าจะมีความแค้นกับผู้ตาย ถึงลงมือหั่นศพ และไม่น่าจะลงมือทำเพียงคนเดียว เพราะจากการตรวจสอบบาดแผล คนร้ายใช้ทั้งมีดทำครัวและเลื่อยในการหั่นร่างกาย รวมถึงคนร้ายอาจจะมีความรู้ความเชี่ยวชาญในการชำแหละชิ้นส่วน
อย่างไรก็ตามจากการตรวจสอบจากศูนย์ข้อมูลคนหาย พบว่า ส่วนใหญ่จะเป็นหญิง และบางส่วนก็กลับบ้านไปแล้ว พร้อมกันนี้ได้ประสาสัมพันธ์ให้ประชาชนที่สงสัยว่าผู้เสียชีวิตน่าจะเป็นญาติ ให้ติดต่อและแจ้งข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทุกพื้นที่ พลตำรวจเอกพงศพัศ ยังเปิดเผยอีกว่าจะนำข้อมูลที่สืบทราบมานั้น เรียนไปยังผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติให้ตั้งคณะกรรมการในการสอบสวนเพื่อประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด.
*-*
ผสข.พนิตา