นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย อดีตรองประธานวุฒิสภาคนที่ 1 ได้กล่าวในงานเลี้ยงอำลากับข้าราชการวุฒิสภาว่า วันนี้จะอยู่ในความทรงจำตลอดไป แต่มันมาเร็วไปนิด ทั้ง ๆที่ได้พยายามอย่างสุดกำลังตั้งแต่เมื่อวันที่ 9 พ.ค.ที่ได้รับเลือกจากที่ประชุมให้เป็นประธานวุฒิสภา ก็ได้ทำงานอย่างที่ได้แสดงวิสัยทัศน์เอาไว้ คือการหาทางออกให้กับประเทศทันที แต่ที่สุดแล้วทุกฝ่ายไม่มีใครยอมกัน ที่ผ่านมาได้ทำงานทั้งในทางที่เปิดเผยและไม่ได้เปิดเผยเพื่อหาทางออกให้ทุกฝ่ายยอมรับกันได้ เพื่อไม่ให้เกิดการสูญเสียชีวิตของประชาชน โดยเฉพาะข้อมูลที่ได้มาเมื่อวันที่ 16 พ.ค.พบว่ามีการเคลื่อนย้ายกำลังของมวลชนพร้อมอาวุธที่พร้อมจะใช้ความรุนแรงต่อกัน
นายสุรชัย กล่าวทิ้งท้ายว่า คำวินิจฉัยของที่ประชุมใหญ่คณะกรรมการกฤษฎีกาที่เห็นว่าการเลือกประธานและรองประธานวุฒิสภานั้น ถือเป็นบรรทัดฐานว่าฝ่ายบริหารไม่สามารถก้าวก่ายกิจการภายในของฝ่ายนิติบัญญัติได้ ตรงนี้จะเป็นก้าวต่อไปของระบอบประชาธิปไตยในอนาคต อย่างไรก็ตามเชื่อมั่นว่าการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข จะกลับคืนมาในไม่ช้านี้ ท้ายที่สุดขอขอบคุณกำลังใจจากข้าราชการและเจ้าหน้าที่ทุกคน
ด้าน นางนรรัตน์ พิมเสน เลขาธิการวุฒิสภา ให้สัมภาษณ์ว่า ในระหว่างที่ยังไม่มีคำสั่งจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)ว่า จะให้สำนักงานเลขาธิกาวุฒิสภารับผิดชอบงานอะไรเป็นพิเศษระหว่างสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) หรือ สภาปฎิรูปการเมือง ทางสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาก็คงต้องทำงานประจำในส่วนที่คั่งค้างไปก่อนเพื่อรับคำสั่งจาก คสช.อีกครั้ง