*เจ้าหน้าที่ส่งตัวชูวิทย์ และพวกคดีรื้อบาร์เบียร์ เข้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพ*

28 มกราคม 2559, 14:53น.


หลังจากที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ อ่านคำพิพากษาศาลฏีกา ในคดีรื้อบาร์เบียร์ย่านสุขุมวิท ซอย 10 ถนนสุขุมวิท แขวงและเขตคลองเตย ศาลฎีกา พิพากษาแก้โทษให้ จำคุกนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรครักประเทศไทย  พ.ท.หิมาลัย ผิวพรรณ หรือเสธ.หิ พ.ต.ธัญเทพ ธรรมธร หรือเสธ.แอ๊ป พร้อมกับพวก 131 คน คนละ 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา ส่วนที่เหลือพิพากษาลดลั่นกันตามความผิด



หลังจากมีคำตัดสิน เจ้าหน้าที่ของเรือนจำพิเศษกรุงเทพ ได้ควบคุมตัวนายชูวิทย์ ออกจากศาลไปที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพทันที คดีนี้อัยการฝ่ายคดีอาญากรุงเทพใต้ เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง จ.ส.อ.อภิชาติ ริมมสาร หรือรัมมะสาร, นายชูวิทย์ พ.ท.หิมาลัย พ.ต.ธัญเทพ พร้อมกับพวก 131 คน เป็นจำเลยในความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์, บุกรุกในเวลากลางคืน และกักขังหน่วงเหนี่ยวข่มขืนใจให้บุคคลปราศจากเสรีภาพ เหตุเกิดเมื่อช่วงเช้ามืด วันที่ 26 ม.ค. 2546 มีกลุ่มชายฉกรรจ์หลายร้อยคน แต่งกายชุดซาฟารี พร้อมรถแบ็กโฮบุกเข้าทำลายร้านบาร์เบียร์ 60 ร้าน เนื้อที่กว่า 10 ไร่ บริเวณสุขุมวิทสแควร์ เนื่องจากกลุ่มนายทุนกลุ่มใหม่ได้ว่าจ้างให้เข้าไปรื้อร้านค้าเพื่อทำประโยชน์ ภายหลังตำรวจสืบสวนสอบสวน สามารถดำเนินคดีกับผู้ต้องหาทั้งสิ้นจำนวน 131 คน ทั้งหมดให้การปฏิเสธ



ทั้งนี้ ศาลชั้นต้น พิพากษายกฟ้อง ส่วนศาลอุทธรณ์พิพากษาจำคุก 5 ปี และศาลฎีกา แก้โทษจำคุก2ปี โดยไม่รอลงอาญา และให้ออกหมายจับผู้ต้องหาที่หลบหนีมาดำเนินคดีภายในอายุความ ทั้งนี้ศาลได้มีดุลยพินิจว่า การที่นายชูวิทย์ยื่นคำร้องขอถอนคำให้การในชั้นสอบสวน เมื่อวันที่ 2 ต.ค. 2558 ไม่สามารถทำได้ เนื่องจากต้องดำเนินการก่อนศาลชั้นต้นมีคำพิพากษา การที่จำเลยยื่นคำร้องและสารภาพถือว่ายอมรับข้อเท็จจริงโดยไม่โต้แย้งคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ว่าไม่ได้ทำผิด ฐานบุกรุกทำให้เสียทรัพย์ กรณีจึงไม่ต้องวินิจฉัยอีก  ส่วนที่นายชูวิทย์ขอให้ศาลลงโทษสถานเบา พิเคราะห์เห็นว่า การบุกรุกทำลาย ข้าวของจนเสียหายไม่อาจใช้การได้ต่อไป เป็นการกระทำที่อุกอาจ ไม่ยำเกรงกฎหมาย ถือว่ามีพฤติกรรมร้ายแรง แม้จำเลยจะเคยบำเพ็ญสาธารณะประโยชน์ และเคยดำรงตำแหน่งส.ส. แต่ก็ต้องป้องปรามไม่ให้กระทำผิดซ้ำอีก



อย่างไรก็ตาม จำเลยได้ชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์จนเป็นที่พอใจและไม่ติดใจเอาความ พร้อมยกที่ดินดังกล่าวให้เป็นที่สาธารณะประโยชน์ใช้ในการพักผ่อน ซึ่งบ่งชี้ว่าจำเลยสำนึกผิด มีเหตุให้ปราณี ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำคุกคนละ 5 ปี ถือว่าหนักเกินไป พิพากษาแก้โทษใหม่ให้จำคุกคนละ 2 ปี



CR: ภาพนุ้ย ฉก.

ข่าวทั้งหมด

X