จากเหตุการณ์ที่มีผู้อพยพลี้ภัยจำนวนมากก่อเหตุลวนลาม และข่มขืนเด็กหญิงและสตรีหลายร้อยคนในหลายประเทศของยุโรป เมื่อคืนวันปีใหม่ โดยที่เยอรมนียังมีคดีของเด็กหญิงลิซ่า เอฟ อายุ 13 ปีซึ่งมีสัญชาติเยอรมัน-รัสเซีย และสูญหายไปในวันที่ 11 มกราคม จากนั้นเธอและผู้ปกครองเข้าแจ้งความว่าถูกผู้ลี้ภัยลักพาตัว และข่มขืน แต่ตำรวจเยอรมันระบุว่า ไม่มีหลักฐานที่จะดำเนินคดีเรื่องการลักพาตัวเพราะเด็กหญิงสมัครใจไปกับผู้ต้องสงสัยทั้ง 2 คน ซึ่งมีอยู่ 1 คนที่ถูกควบคุมตัวเพื่อสอบปากคำฐานละเมิดผู้เยาว์แต่ก็ยังไม่มีการตั้งข้อกล่าวหาเกิดขึ้น จนทำให้ชาวเยอรมันและรัสเซียไม่พอใจ โดยพบว่าในชุมชนหลายแห่งของชาวเยอรมัน-รัสเซีย มีการชุมนุมแสดงความไม่พอใจเกิดขึ้น ซึ่งนายเซอร์กี ลาฟรอฟ รัฐมนตรีการต่างประเทศรัสเซีย กล่าวว่า มีหลักฐานที่ชัดเจนว่าเด็กหญิงไม่ได้สมัครใจไปกับผู้ลี้ภัยที่ก่อเหตุ และต้องการให้ตำรวจเยอรมนีจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้ ทั้งหวังว่า ตำรวจจะไม่จัดการกับปัญหาเหล่านี้ด้วยการปกปิดความจริง เพราะกลัวว่าผู้อพยพลี้ภัยที่มีจำนวนนับล้านคนในประเทศจะสร้างความวุ่นวายขึ้น
แต่คณะรัฐมนตรีเยอรมนี ตอบโต้ว่า ไม่ควรนำเรื่องการเมืองมาเกี่ยวข้องกับคดีนี้ และนายแฟร้งค์ วอลเตอร์ สไตน์ไมเออร์ รัฐมนตรีการต่างประเทศเยอรมนี กล่าวแนะนำให้รัสเซียติดตามผลการสืบสวนสอบสวนคดีต่อไป โดยเยอรมนีมีกฎหมายดำเนินคดีผู้ที่มีความสัมพันธ์กับผู้เยาว์เป็นคดีอาญา ไม่ว่าจะเป็นการสมยอมหรือไม่ ซึ่งในเวลาเดียวกันนายกรัฐมนตรีอันเกล่า แมร์เกิ้ล ผู้นำนโยบายรับดูแลผู้ลี้ภัย และตำรวจเยอรมนีก็กำลังถูกแรงกดดันจากเหตุละเมิดและลวนลามที่เกิดขึ้นในคืนปีใหม่ ที่เมืองโคโลญจน์ ซึ่งมีการกล่าวหาว่าเป็นการกระทำของผู้ลี้ภัย แต่ตำรวจกลับเพิกเฉยที่จะติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดี
....