ทันสถานการณ์ฯ:ฝรั่งเศสประท้วงวุ่น/รมว.ตปท.สหรัฐเดินสายเอเชีย*

28 มกราคม 2559, 06:10น.


น.ส.คริสชาน โตบิรา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมฝรั่งเศส ลาออกจากตำแหน่ง เพื่อแสดงท่าทีคัดค้านโยบายของประธานาธิบดี เรื่องการถอนสัญชาติของพลเมือง 2 สัญชาติที่เกิดในฝรั่งเศส และถูกศาลตัดสินว่ามีความผิดฐานก่อการร้าย



ด้านสำนักงานของประธานาธิบดีฟรองซัวส์ ออลลองด์ แจ้งว่า ประธานาธิบดีได้รับหนังสือลาออกแล้ว และแสดงความขอบคุณนางสาวโตบิราในการทำงานเพื่อปรับเปลี่ยนระบบยุติธรรมฝรั่งเศส



ขณะที่ผลการสำรวจความเห็นของชาวฝรั่งเศส พบว่า ประชาชนจำนวนมากให้การสนับสนุนนโยบายนี้ ที่ออกมาหลังจากที่เกิดเหตุก่อการร้ายเมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2558 ซึ่งมีผู้เสียชีวิต 130 ศพ และบาดเจ็บจำนวนมาก



นายกรัฐมนตรีมานูเอล วาลส์ เสนอแผนการถอนสัญชาติ ต่อคณะกรรมการสามัญแห่งชาติ หรือสภาล่างของฝรั่งเศสพิจารณาแล้ว และกล่าวด้วยว่า ฝรั่งเศสไม่ได้ต้องการทำให้ใครเป็นผู้ไร้สัญชาติ



ขณะเดียวกันที่ฝรั่งเศส ยังมีการชุมนุมของกลุ่มคนขับแท็กซี่ที่ต่อต้านกลุ่มผู้ประกอบการและคนขับรถอูเบอร์ ซึ่งพวกเขาเห็นว่า เป็นการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม เพราะคนขับรถอูเบอร์ไม่มีใบอนุญาตขับขี่รถรับจ้าง



กับยังมีการผละงานประท้วงครั้งใหญ่ของกลุ่มครูและเจ้าหน้าที่รัฐ ที่ต่อต้านนโยบายการปฏิรูปแรงงานที่ส่งผลต่อเงินเดือนและการเลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่ง นอกจากนี้ยังทำให้มีเจ้าหน้าที่รัฐในส่วนงานพลเรือนถูกปลดออกจากงานแล้ว 150,000 ตำแหน่ง ตั้งแต่ปี 2550 ไม่มีการปรับขึ้นเงินเดือนมาตั้งแต่ปี 2553



นอกจากนี้แล้วยังมีการประท้วงของสหภาพแรงงานพนักงานควบคุมการจราจรทางอากาศ ส่งผลให้มีการยกเลิกเที่ยวบินโดยสาร 1 ใน 5 ในสนามบินหลายแห่ง



ตำรวจมาเลเซียพบศพผู้อพยพทางเรือชาวอินโดนีเซีย 18 ศพ จากเหตุเรือล่มนอกชายฝั่งรัฐยะโฮร์ ทางภาคใต้ของประเทศ ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อเช้ามืดของวันอังคาร ซึ่งเจ้าหน้าที่พบว่า เรือลำนี้มีผู้โดยสารประมาณ 30 - 35 คน พยายามลักลอบเดินทางเข้าสู่มาเลเซีย แต่เรือปะทะกับคลื่นสูงทำให้พลิกคว่ำลง



นายจอห์น แคร์รี รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ  เข้าพบนายกรัฐมนตรีฮุนเซน ของกัมพูชา เพื่อเจรจาประเด็นเศรษฐกิจและการเมือง ซึ่งสหรัฐต้องการโน้มน้าวให้กัมพูชาออกมาจากอิทธิพลทางเศรษฐกิจของจีน ขณะที่ผู้นำกัมพูชาต้องการให้สหรัฐยกเลิกกำแพงภาษีสำหรับสินค้าส่งออกจากกัมพูชาไปยังสหรัฐ



ส่วนในการที่ประธานาธิบดีหม่า อิง จิ่ว ผู้นำไต้หวันมีกำหนดเดินทางเยือนเกาะแห่งหนึ่งในหมู่เกาะสแปรตลีส์ ในทะเลจีนใต้ ซึ่งจีน ไต้หวัน และอีกหลายชาติในภูมิภาคอ้างกรรมสิทธิ์ในวันนี้ สถาบันอเมริกันในไต้หวัน (เอไอที) ซึ่งมีสถานะเทียบเท่าสถานทูต แถลงว่า รู้สึกผิดหวังเพราะเป็นการเดินทางที่ไม่ช่วยแก้ไขกรณีพิพาทในทะเลจีนใต้ และในวันนี้ นายแคร์รียังมีกำหนดหารือกับนายหวัง อี้ รัฐมนตรีการต่างประเทศจีน ที่กรุงปักกิ่ง



ส่วนเหตุการณ์ที่มีผู้โทรศัพท์ขู่วางระเบิดโรงเรียน 14 แห่งในอังกฤษ และ 6 แห่งในฝรั่งเศส เจ้าหน้าที่ระบุว่าคนร้ายเรียกชื่อกลุ่มตนเองว่า อีแวคคูเอเตอร์ส 2เค16 (Evacuators 2K16) ซึ่งสนับสนุนรัฐบาลของประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาดแห่งซีเรีย



ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ของสหรัฐอเมริกา เรียกร้องให้เร่งศึกษาวิธีการตรวจหาเชื้อที่เร็วขึ้น รวมถึงพัฒนาวัคซีนและวิธีการรักษาในการรับมือต่อสู้กับเชื้อไวรัสซิกาที่มีผลให้ทารกในครรภ์มีศีรษะเล็กผิดปกติ ซึ่งนอกจากนี้แล้ว ประธานาธิบดียังต้องการให้ชาวอเมริกันทุกคนได้รับข้อมูลความรู้เกี่ยวกับไวรัสเพื่อป้องกันตนเองจากการติดเชื้อ



ก่อนหน้านี้องค์การอนามัยโลก คาดว่าไวรัสซิกาอาจระบาดไปทั่วทุกประเทศในภูมิภาคอเมริกา ยกเว้นในแคนาดาและชิลี ล่าสุดมีรายงานพบผู้ติดเชื้อซิกาในประเทศเปอร์โตริโก 19 ราย แต่ไม่มีผู้ติดเชื้อคนใดที่เป็นหญิงตั้งครรภ์ และพบผู้ป่วยซิการายแรกในยุโรปที่ประเทศเดนมาร์ก นอกจากนี้ คอสตาริกาพบผู้ป่วยชาย 1 คนที่เพิ่งเดินทางกลับมาจากโคลอมเบีย ที่มีรายงานผู้ติดเชื้อไวรัสซิกา มากกว่า 11,000 คน



ทางการเมืองคลีฟแลนด์ มลรัฐโอไฮโอ ไล่ออกเจ้าหน้าที่ตำรวจ 6 นาย หลังก่อคดีสาดกระสุน 137 นัดใส่ชายและหญิงผิวสีที่ปราศจากอาวุธจนถึงแก่ความตาย เมื่อปี 2555 ซึ่งเป็นที่ชัดเจนว่าเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุการกราดยิงกว่านัดออกไปในเวลาเพียง 20 วินาที ยังอาจทำให้เพื่อนตำรวจโดนลูกหลงได้ สำหรับคดีนี้ เกิดขึ้นเมื่อ ทิโมธี รัสเซล และเมลิสซา วิลเลียมส์ ขับรถผ่านสถานีตำรวจเมืองคลีฟแลนด์ แต่มีเสียงระเบิดของเครื่องยนต์ดังขึ้น ทำให้ตำรวจเข้าใจผิดขับรถไล่ล่าทั้งสองคนเป็นระยะทางกว่า 35 กิโลเมตร แล้วสาดกระสุนใส่รถยนต์ของทั้งคู่ถึง 137 นัด



ทางการเกาหลีใต้สงสัยว่าเกาหลีเหนือกำลังพยายามเจาะข้อมูลของเจ้าหน้าที่ทางการเกาหลีใต้ และประธานาธิบดีปาร์ค กึนเฮ กล่าวว่า ภัยคุกคามจากเกาหลีเหนือขยายขอบเขตออกไปเป็นการโจมตีทางไซเบอร์และใช้โดรน



ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดการซื้อขายเมื่อคืนนี้ ในแดนลบ โดยดัชนีดาวโจนส์ลดลง 222.77 จุด หรือร้อยละ 1.38 ปิดที่ 15,944.46 จุด


ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ลดลง 20.68 จุด หรือร้อยละ 1.09 ปิดที่ 1,882.95 จุด


ดัชนีแนสแด็กลดลง 99.50 จุด หรือร้อยละ 2.18 ปิดที่ 4,468.17 จุด


ทั้งนี้ ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) สรุปผลการประชุม 2 วัน โดยยังอัตราดอกเบี้ยมาตรฐานไว้ที่ร้อยละ 0.25-0.5 ตามที่นักวิเคราะห์หลายคนคาดการณ์ไว้ โดยเฟดยังจับตาสถานการณ์เศรษฐกิจโลกอย่างใกล้ชิด ขณะที่การเติบโตทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ ชะลอตัวลงจากการส่งออกที่ลดลงเพราะเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น แต่คาดว่า อัตราเงินเฟ้อ ซึ่งลดลงตามราคาน้ำมัน จะเพิ่มขึ้นสู่ร้อยละ 2 ตามเป้าหมายภายใน 2-3 เดือนข้างหน้า ทำให้มีโอกาสที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยมาตรฐานในเดือนมีนาคม


 


*-*
ข่าวทั้งหมด

X