กรณีเด็กหญิงลิซา เอฟ(นามสมมุติ)วัย 13 ปีคนหนึ่งจากครอบครัวชาวรัสเซียถูกกลุ่มผู้อพยพลักพาตัวไประหว่างเดินทางไปโรงเรียนแล้วถูกข่มขืนในกรุงเบอร์ลิน เยอรมนี ก่อให้เกิดกระแสต่อต้านผู้อพยพจากชุมชนชาวรัสเซียราว 7,000 คนในเยอรมนี และการประท้วงสิ่งที่พวกเขาเรียกว่าการปกปิดข้อเท็จจริงของตำรวจเมื่อช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์
ก่อนหน้านี้ ตำรวจ ระบุว่าจากการสอบสวนพบว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นความยินยอมของผู้เสียหายเอง ไม่มีการข่มขืนหรือการบังคับ แต่คุณป้าของผู้เสียหาย กล่าวให้สัมภาษณ์รายการโทรทัศน์แห่งหนึ่งของเยอรมนี อ้างว่าเด็กหญิงคนนั้นถูกข่มขืนโดยชายหลายคนตลอด 30 ชั่วโมงที่เธอหายตัวไป ครอบครัวของเธอได้แจ้งความกับตำรวจว่าเด็กหญิงรายนี้หายไปเมื่อวันที่ 11 มกราคม ต่อมาเธอกลับบ้านในวันรุ่งขึ้น แรกเริ่มสื่อโทรทัศน์ของทางการรัสเซีย รายงานเรื่องนี้ แต่ตอนนี้รัฐบาลรัสเซียเข้ามาพัวพันกับเรื่องนี้โดยตรง โดยนายเซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย กล่าวหารัฐบาลเยอรมนีว่าจงใจปกปิดข้อเท็จจริงเรื่องนี้ พร้อมเรียกร้องให้รัฐบาลเยอรมนีสอบสวนเรื่องนี้อย่างละเอียด
สำหรับประเด็นนี้ได้รับความสนใจจากสาธารณะชนในเยอรมนีค่อนข้างมาก หลังเกิดเหตุกรณีผู้อพยพจากแอฟริกาเหนือและอาหรับตระเวนกระทำความผิดอาญาราว 1,000 คดี รวมถึงกรณีลวนลาม ข่มขืนและชิงทรัพย์สตรีราว 384 คนในเมืองโคโลญจ์ในคืนวันส่งท้ายปี
ทีมต่างประเทศ
CR:BBC,Reuters