*นายกฯเดินหน้าลต.ปี60/กต.จับตาแอมเนสตี้เคลื่อนไหว/ผลสอบราชภักดิ์ออกปลายเดือนนี้

ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 08.30 น.

+++การขู่คว่ำร่างรัฐธรรมนูญ อีก  พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวว่า หากร่างรัฐธรรมนูญจะไม่ผ่านแสดงว่าไม่รู้ว่าประเทศชาติต้องปฏิรูป จะเอาแบบเดิมก็ไม่เป็นไร  ยืนยันทุกอย่างต้องเป็นไปตามเดิม โรดแม็ปก็คือโรดแม็ป ยืนยันทุกวันว่า ก.ค.2560 ฉะนั้นใครที่ทำให้ไม่ผ่านก็ต้องไปพูดกับคนนั้น ที่ตั้งใจให้ผ่านก็เพื่อประเทศไทยและทุกคน เพราะไม่อยู่ทำให้อยู่แล้ว ถ้าทุกคนไม่รู้จักที่จะร่วมมือกัน ปี 2560 ก็อยู่กันเอาเอง

+++นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ กล่าวว่า ไม่ทราบว่านายมีชัย ฤชุพันธ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูฐพูดอย่างไรแต่คงพูดประชดและจะใช้ได้อย่างไรเพราะเป็นรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว แต่หากจะพูดถึงเทคนิคในการแก้ไขก็ปรับแก้ได้ทั้งนั้น ความสำคัญไม่ได้อยู่ที่ว่านำฉบับไหนมาเป็นตัวตั้งไม่ว่าฉบับปี 2540 หรือ 2550 หรือ 2557 แต่จะมีประโยชน์อะไรถ้าเอาฉบับปี 2557 มาปรับอีก 120 มาตรา ก็คือทำขึ้นมาใหม่ อย่าไปตื่นเต้นกับเรื่องเหล่านี้

+++ด้านนายอมร วาณิชวิวัฒน์ โฆษก กรธ. กล่าวถามว่า ร่างรัฐธรรมนูญที่ กรธ.ยกร่างไว้ไม่ดีตรงไหน คาดว่าจะพิจารณาบท เฉพาะกาลและทุกมาตราได้เสร็จในวันที่ 27 ม.ค.นี้ จากนั้นวันที่ 28 ม.ค. กรธ.จะประชุมเพื่อแก้ไขเนื้อหาแต่ละหมวดเป็นครั้งสุดท้าย โดยเปิดให้กรรมการขอแก้ไขในวันดังกล่าวเพื่อให้ได้ร่างฉบับสมบูรณ์ วันที่ 29 ม.ค. เชื่อว่าถ้ามีผู้มาใช้สิทธิออกเสียงประชามติถึงร้อยละ 80 ร่างฉบับนี้จะผ่านประชามติ แต่ถ้ามาใช้สิทธิร้อยละ 70 ก็เชื่อว่าจะผ่านแบบรัฐธรรมนูญฉบับปี 2550 ที่ผ่านแบบเสียงปริ่มน้ำ

+++ส่วนนายนรชิต สิงหเสนี โฆษก กรธ. แถลงว่า นายมีชัยคงไม่มีจุดมุ่งหมายจะบีบใคร คงตอบแบบตรงๆ ว่าหากร่างไม่ผ่านก็จะมีฉบับปี 2557 ใช้อยู่ ซึ่งไม่มีเจตนาจะให้ใช้ตลอดไปเพราะฉบับ 2557 มีขนาดสั้น และมีหน้าที่ใช้แค่ระยะเปลี่ยนผ่าน ไม่มีเรื่องการกำหนดการเลือกตั้งและสิทธิเสรีภาพของประชาชน หากฉบับปี 2557 ใช้ได้ จะมาร่างรัฐธรรมนูญฉบับของนายมีชัยทำไม เชื่อว่าถ้าถึงจุดใกล้ทำประชาชมติประชาชนก็ควรจะได้ทราบว่าหากรัฐธรรมนูญผ่านจะไปอย่างไร

++++กรณีองค์การนิรโทษกรรมสากล แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล รณรงค์ให้สมาชิกส่งจดหมายถึง พล.อ.ประยุทธ์ และรมว.ต่างประเทศ ขอให้ยกเลิกข้อกล่าวหาต่อนักกิจกรรมทางการเมืองทั้งหมด นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ ว่า ถ้าพูดถึงรัฐบาลที่มาจากรัฐประหารจะเห็นว่าไม่มีที่ใดเหมือนกับประเทศไทย จากการสอบถามคณะทูตที่มาประจำการในไทยว่าเรามีสิ่งใดที่เป็นกลิ่นอายของเผด็จการหรือไม่เขาบอกว่าไม่มี แตกต่างกับสิ่งที่เกิดขึ้นในประเทศอื่นๆ อย่างสิ้นเชิงในเมื่อเราไม่มีบรรยากาศเผด็จการหรือการกดดันใดๆ อยู่ๆ รัฐบาลจะไปจัดการกับนักศึกษากลุ่มนี้ได้อย่างไรหากไม่มีแผนหรือมีวาระซ่อนเร้น ทางการได้เชิญคนเหล่านั้นมาพูดคุยแต่ไม่ได้เชิญตัวนักศึกษาทุกคน มหาวิทยาลัยหลายแห่งก็บอกว่าไม่มีปัญหา

+++ ดังนั้น ถ้าพบปัญหาที่เกิดกับคนกลุ่มเล็กๆ จำนวนหนึ่งและมีสิ่งน่าสงสัยแล้วนั่นไม่ใช่ปัญหาของชาติ ทุกคนจึงต้องแยกแยะประเด็นเหล่านี้ให้ชัด สื่อทุกคนต้องไปบอกว่าแอมเนสตี้ มีวาระซ่อนเร้นอยู่ จึงหยิบยกประเด็นเหล่านี้ขึ้นมา ไม่มีอะไรทำหรืออย่างไรทั้งที่มีปัญหามากในบ้านเมือง เราต้องดูแลเรื่องของคนส่วนใหญ่ ทำไมมานั่งดูเรื่องของคนไม่กี่คนแล้วเอามาบอกว่าเป็นปัญหาชาติ สร้างความวุ่นวายให้กับสังคม สื่ออ่านแถลงการณ์ของเขาก็รู้แล้วว่ามันคืออะไร ไม่ใช่แค่รับข้อมูลทางเดียว แต่บางครั้งก็สร้างเรื่องขึ้นมาเอง บางองค์กรไม่มีอะไรทำก็ต้องสร้างประเด็นเพื่อให้เกิดกระแสที่ตัวเองจะได้มีบทบาทต่อไป ตนไม่ได้ปรักปรำแต่เปรียบเทียบในเชิงข้อเท็จจริง เขาสร้างกระแสให้คนนอกที่ไม่รู้เรื่องจริงๆ เกิดความเชื่อตามข่าวนั้น แต่หลายประเทศ เช่น มาเลเซีย สิงคโปร์ หรือชาติตะวันตกไม่ได้สนใจทุกเรื่องที่องค์กรนี้ทำ ประเทศไทยมีความเป็นเหตุเป็นผลมีจิตการุณย์สูง

++ประเด็น สสส. นายวิเชียร พงศธร อดีตกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ กองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (บอร์ดสสส.) ได้เข้าพบพล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม ในฐานะประธานศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) เพื่อชี้แจงกรณีนายกฯ ใช้อำนาจตามมาตรา 44 ปลดกรรมการสสส. 7 ราย โดยมีนายประยงค์ ปรียาจิตต์ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) และนายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เข้าร่วมชี้แจงข้อเท็จจริงในครั้งนี้ด้วย ใช้เวลาชี้แจงนานกว่า 2 ชั่วโมง  นายวิเชียรกล่าวภายหลังการชี้แจงด้วยสีหน้าสบายใจว่า ได้ชี้แจงทุกอย่างแล้วและไม่ได้ติดใจประเด็นไหน รวมถึงไม่ขอคืนตำแหน่งกรรมการ สสส. ด้วยด้านพล.อ.ไพบูลย์ ยอมรับว่ามีประเด็นที่ลึกกว่านั้นแต่ขอไม่เปิดเผยผ่านสื่อเพื่อให้เกียรติกัน ไม่มีแนวโน้มที่จะคืนตำแหน่งให้นายวิเชียร และยังไม่มีใครติดต่อขอเข้าชี้แจงเพิ่มเติม

+++ส่วนการตรวจสอบโครงการอุทยานราชภักดิ์  พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวว่า ผลการตรวจสอบเสร็จทันภายในสิ้นเดือน ม.ค.นี้ จากนั้นจะเชิญทุกฝ่ายที่สงสัยในประเด็นการตรวจสอบมาร่วมรับฟังการแถลงข่าวทั้งหมดด้วย ส่วนจะเป็นวันไหนจะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง  พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม ยอมรับว่า ขณะนี้รอผลสอบของ สตง. ตนรอฟังแถลงผลสอบพร้อมๆ กับสื่อมวลชน หลังจากผลสอบศตอช.ออกมา คิดว่าเรื่องจะจบหรือไม่ พล.อ.อุดมเดช กล่าวว่า ตนมั่นใจเพราะเราตั้งใจทำงานกันทุกคน และเชื่อว่าไม่มีใครไปทำอะไรที่ไม่ดี ขอยืนยันในความสุจริตและขอให้มั่นใจ ขอขอบคุณประชาชนส่วนใหญ่ที่มั่นใจและพร้อมสนับสนุนโครงการราชภักดิ์ต่อไป และยินดีหากจะมีการบริจาคเข้ามาเพื่อสมทบโครงการต่อไป

+++ ที่ประชุมครม.มีมติอนุมัติตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอแต่งตั้ง นายวิทยา สุริยะวงศ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เป็น รองปลัดกระทรวงยุติธรรม ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯแต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง

+++ความขัดแย้งระหว่างพรรคประชาธิปัตย์กับ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯกทม. ที่ล่าสุด ยืนยันการทำหน้าที่เป็นรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เหมือนเดิม ยังปฏิบัติหน้าที่รองหัวหน้าพรรคอยู่ และในเวลาที่เหลือกว่า 10 เดือนนี้จะเดินหน้าทำงานตามนโยบายต่อไป

ขณะเดียวกัน เมื่อเย็นวันที่ 26 ม.ค. พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ที่ลาออกจากราชการมาดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้เข้ายื่นใบลาออกจากตำแหน่งต่อ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ แล้ว โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค.เป็นต้นไป กระแสข่าวบางด้านระบุว่า พล.ต.ต.วิชัย ได้แสดงความอึดอัดใจต่อปัญหาความขัดแย้งของพรรคประชาธิปัตย์กับผู้บริหารกทม. ซึ่งส่งผลให้สภาพการทำงานของผู้บริหารกทม.ขณะนี้ เกิดความระส่ำระสาย ต่างคนต่างทำ รวมทั้งถูกกล่าวหาเรื่องความไม่โปร่งใสในหลายโครงการแต่ไม่มีการทำความเข้าใจต่อสังคมให้กระจ่างได้ ทำให้การทำงานของพล.ต.ต.วิชัย เองไม่ลื่นไหล ก่อนหน้านี้ งานในความรับผิดชอบคือดูแลงานด้านจัดระเบียบความเรียบร้อยและการปราบปรามยาเสพติด สามารถเดินหน้าไปได้ด้วยดี แต่ปัญหาการเมืองภายในทำให้งานในความรับผิดชอบติดขัดไปหมด จึงตัดสินใจลาออกในที่สุด

++++การพบผู้ป่วยเมอร์สจากโอมาน มาไทย  นพ.โสภณ เมฆธน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยว่า กำลังติดตามตัวผู้ใกล้ชิดผู้ป่วยโรคระบบทางเดินหายใจตะวันออกกลาง หรือโรคเมอร์สอีก 7 คน โดยจะประสานตำรวจ เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง และสถานทูต เพื่อให้ช่วยติดตามมากักตัวและเข้าสู่ระบบควบคุมโรคต่อไป    สำหรับผู้สัมผัสโรคที่มีความเสี่ยงสูงอีกจำนวน 33 คนนั้น ขณะนี้สามารถติดตามเพื่อเข้าสู่ระบบการควบคุมป้องกันโรคได้แล้ว และจากการตรวจเสมหะใต้คอไม่พบเชื้อโรคเมอร์ส  เบื้องต้นจาก 33 คน มี 7 คนที่เป็นชาวต่างชาติ ขอเดินทางออกนอกประเทศ ซึ่งกรมควบคุมโรคจะออกหนังสือรับรองเพื่อยืนยันว่าไม่ใช่ผู้ป่วยโรคเมอร์ส เพื่อให้เกิดความมั่นใจต่อสายการบินและประเทศปลายทางต่อไป ส่วนอากาป่วยชายชาวโอมาน รล่าสุดไข้ลดลงและต้องให้ออกซิเจนอยู่ แต่สามารถลุกนั่งและรับประทานอาหารได้ โดยรวมถือว่ามีอาการดีขึ้น ด้าน พญ.จริยา แสงสัจจา ผู้อำนวยการสถาบันบำราศนราดูร กล่าวว่า แพทย์จะรักษาชายชาวโอมานผู้ป่วยโรคเมอร์สตามอาการ เพราะไม่มียารักษาเฉพาะ และติดตามอาการดูแลใกล้ชิด ด้วยการตรวจวัดสัญญาณชีพตลอดเวลา ส่วนลูกชายของผู้ป่วย รวมถึงคนขับแท็กซี่ ผลจากการตรวจไม่พบเชื้อ

++++ความสำเร็จของวงการแพทย์ไทยอีกครั้ง เมื่อสามารถผ่าตัดผู้ป่วยที่เป็นเนื้องอกกระดูกนิ้วมือด้วยการใช้กระดูกไทเทเนียมสำเร็จ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกของโลก  ศ.ดร.บัณฑิต เอื้ออาภรณ์ คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า การผลิตกระดูกนิ้วมือผู้ป่วยจากไทเทเนียมเป็นการผลิตเองของประเทศไทย เป็นการพิสูจน์ว่าประเทศไทยสามารถทำได้ ซึ่งคณะวิศวกรรมศาสตร์ให้ความสำคัญมากในการวิจัยเชื่อมต่อระหว่างสาขาวิศวะและทางการแพทย์กลายเป็นวิศวกรรมทางการแพทย์ โดยงานวิจัยสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้มากขึ้น และหวังว่าจะใช้เป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาประเทศ

+++ พ.อ.รศ.นพ.ทิพชาติ บุณยรัตพันธุ์ หัวหน้าทีมแพทย์ผ่าตัด กองออร์โธปิดิกส์ รพ.พระมงกุฎเกล้า กล่าวว่า การผ่าตัดครั้งนี้ทำในผู้ป่วยหญิง อายุ 37 ปี ที่กระดูกนิ้วหัวแม่มือถูกทำลายโดยเนื้องอกกระดูกชนิดเซลล์ยักษ์ (giant cell tumor of bone) ขั้นตอนการรักษาโดยแพทย์ออร์โธ ปิดิกส์ทำการผ่าตัดเอากระดูกนิ้วหัวแม่มือที่เป็นเนื้องอกออกทั้งชิ้น และผ่าตัดใส่กระดูกไทเทเนียมจากการพิมพ์ 3 มิติ ที่สร้างขึ้นโดยภาควิชาวิศวกรรมโลหการ จุฬาฯ ทดแทนกระดูกที่ถูกตัดไป ซึ่งใช้กระดูกปกติด้านตรงข้ามของนิ้วแม่มือเป็นแม่แบบในการผลิต ผ่านขั้นตอนการทำเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ 3 มิติ  หลังจากนั้นหน่วยศัลยกรรมทางมือ กองออร์โธปิดิกส์ได้ใช้เทคนิควิธีพิเศษเย็บเอ็นที่ได้จากข้อมือติดกับไทเทเนียมเพื่อยึดกระดูกเทียมให้เข้าที่ หลังการผ่าตัด 2-3 วัน ผู้ป่วยสามารถกลับบ้านได้ ใช้เวลา 1-2 เดือน เริ่มฝึกขยับนิ้วมือได้ การติดตามเมื่อครบ 4 เดือน พบว่าผู้ป่วยมีอาการเหมือนปกติ สามารถขยับนิ้วหัวแม่มือได้ดี หยิบจับสิ่งของ เขียนหนังสือได้ ไม่พบปัญหาแทรกซ้อนจากการผ่าตัด กระดูกเทียมไทเทเนียมสามารถเข้ากับร่างกายผู้ป่วยได้ดี รวมระยะเวลาทั้งหมดมากกว่า 1 ปี ส่วนค่ารักษาพยาบาลยังอยู่ในขั้นตอนการวิจัย จึงใช้งบในการวิจัย ในอนาคตเมื่อการรักษามีความมั่นคงจะประสานรัฐบาลในการกำหนดสิทธิประโยชน์การรักษาต่อไป

+++ผลการชันสูตรศพพระพรหมสุธี หรือเจ้าคุณเสนาะ ว่าได้มีการตรวจโดยละเอียด และดูร่องรอยบาดแผลต่างๆ ที่เกิดขึ้นว่ามีร่องรอยบาดแผลที่ไหนบ้าง สำหรับสาเหตุการมรณภาพตอนนี้ได้ลงสาเหตุไปคือเรื่องขาดอากาศหายใจ จากการถูกกดรัดลำคอ นั่นคือสิ่งที่ตรวจพบและลงความเห็นจากข้อเท็จจริงที่ตรวจได้ ซึ่งญาติไม่ได้ติดใจและจะรับศพในวันนี้ (27 ม.ค.) เคลือนไปบำเพ็ญกุศลที่วัดสระเกศ ในเวลาประมาณ 14.00 น.