เมืองไทยฯ (2):กทพ.เตรียมของบกลางแก้ปัญหาด้านการบิน/หอการค้าต่างชาติใช้ไทยเป็นศูนย์กลางลงทุนอาเซียน/แจ้งค่ารักษาผู้ป่วยเมอร์สชาวโอมาน*

26 มกราคม 2559, 08:29น.


นายจุฬา สุขมานพ อธิบดีกรมท่าอากาศยาน และผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 2 กุมภาพันธ์นี้ กพท.จะเสนอขออนุมัติใช้งบกลางจากรัฐบาลวงเงินประมาณ 250 ล้านบาท ว่าจ้างผู้เชี่ยวชาญจากประเทศอังกฤษ หรือ CAAI วงเงิน 3 ล้าน 2 แสนปอนด์ หรือประมาณ 170 ล้านบาท  และค่าหลักสูตรการฝึกอบรมประมาณ 80 ล้านบาท เพื่อแก้ไขปัญหาทางด้านการบินและปลดล็อกธงแดงจากองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ หรือ ICAO นอกจากนี้ยังพิจารณาอนุมัติโครงสร้างอัตราเงินเดือนของสำนักงาน กพท. และเงินประจำตำแหน่ง ร่วมด้วยการเร่งจัดสรรบุคลากรตามโครงสร้าง 514 คน เพื่อให้องค์กรใหม่เริ่มดำเนินการได้ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายนนี้



นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ หารือกับหอการค้าร่วมต่างประเทศในไทย ได้แก่หอสวีเดน เกาหลีใต้ แคนนาดา รัสเซีย ตุรกี ไต้หวัน สิงคโปร์ และเยอรมนี เกี่ยวกับโอกาสการค้าการลงทุนในไทย อินโดจีน และ CLMV (กัมพูชา ลาว เมียนมา เวียดนาม) ซึ่งนักลงทุนต่างชาติต้องการใช้ไทยเป็นฐานในการลงทุน เพื่อขยายการค้า การลงทุนไปยังอาเซียน เพราะเห็นว่าไทยมีศักยภาพและพื้นฐานที่ดี แต่หอการค้าร่วมต่างประเทศได้เสนอให้ไทยแก้ไขกฎระเบียบในการลงทุน เพื่อลดอุปสรรค และอำนวยความความสะดวกการลงทุนของต่างชาติมากขึ้น เช่น ใบอนุญาตการทำงาน โดยเฉพาะของกลุ่มผู้ประกอบวิชาชีพ ผู้ประกอบการรายเล็กที่ไม่ได้รับใบอนุญาตจากบีโอไอ รวมถึงการผ่อนปรนเรื่องเอกสารบางอย่าง  รวมถึงต้องการให้ไทยใช้นวัตกรรมในการผลิตมากขึ้น ส่วนเรื่องการท่องเที่ยวซึ่งมีการแสดงความเห็นยอมรับว่าไทยมีศักยภาพมาก แต่ก็เสนอว่าควรเน้นในเรื่องของคุณภาพมากกว่าปริมาณ เพราะหากยังเน้นจำนวนนักท่องเที่ยวจะทำให้กลุ่มนักท่องเที่ยวทุนสูงจะหนีออกจากไทย



นายเจสเปอร์ ปาล์มควิซท์ ผู้อำนวยการภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก เอสทีอาร์ โกลบอล สถาบันวิจัยด้านท่องเที่ยวระดับโลก เปิดเผยในงานไทยแลนด์ ทัวริสซึ่ม ฟอรั่ม 2016 ว่า ในปีที่แล้วไทยมีอัตราการเข้าพักของนักท่องเที่ยวที่มาพักโรงแรมหรูร้อยละ 73.4 หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 13.6 จากปีก่อนหน้า และเป็นการเติบโตสูงสุดในรอบ 20 ปี โดยพบว่าตลาดจีนให้ความนิยมพักในโรงแรมหรูมากขึ้น รวมถึงไทยยังมีจุดเด่นเรื่องการฟื้นตัวที่รวดเร็วแม้จะมีวิกฤตใดๆก็ตาม พิสูจน์ได้จากอัตราเข้าพักเฉลี่ยที่ปรับตัวดีขึ้นในปี 2558 เทียบกับปี 2557 ที่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง



สำหรับแนวโน้มการท่องเที่ยวที่ต้องจับตามอง คือการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมการจัดประชุมและสัมมนา (ไมซ์)ในปี 2558 มีการเติบโตประมาณร้อยละ 4.5 ถือว่าไทยมีกลุ่มตลาดที่หลากหลาย และสามารถเป็นจุดหมายการเดินทางเชิงธุรกิจด้วย



วันที่ 26-27 มกราคมนี้ ต้องติดตามการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ว่าจะประกาศขึ้นดอกเบี้ยหรือไม่ ขณะที่นักลงทุนยังกังวลในสถานการณ์เศรษฐกิจ ทำให้มีแรงเทขายออกมาอีก



น.ส.รื่นวดี สุวรรณมงคล อธิบดีกรมบังคับคดี หารือกับนายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพื่อขอความร่วมมือให้ธนาคารพาณิชย์เข้าร่วมโครงการไกล่เกลี่ยลูกหนี้ ลดปัญหาหนี้ครัวเรือน จากปัจจุบันมีแต่ธนาคารของรัฐเท่านั้นที่เข้าร่วม โดยกรมบังคับคดีมีนโยบายเข้าไปไกล่เกลี่ยลูกหนี้รายย่อย ทั้งลูกหนี้เอสเอ็มอี กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ไปจนถึงการช่วยเหลือเกษตรกรที่อยู่ในชั้นบังคับคดี ไกล่เกลี่ยแก้ปัญหาหนี้ครู และขยายโครงการไปถึงกลุ่มลูกหนี้ติดค้างค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ด้วย



การประปาส่วนภูมิภาค ลงนามในบันทึกช่วยจำหรือเอ็มโอยูกับกรมชลประทาน เพื่อสำรองการผลิตประปา สำหรับปัญหาภัยแล้งที่ประเมินว่าจะเกิดขึ้นยาวนาน และหนักกว่าทุกปี นางรัตนา กิจวรรณ ผู้ว่าการการประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) กล่าวว่า กปภ.ได้กำหนดมาตรการรับสถานการณ์ภัยแล้งในปี 2559 ไว้ 3 ระยะ ได้แก่ ระยะเร่งด่วน จะเร่งดำเนินการ ขุดลอกคูคลอง วางระบบท่อน้ำดิบ โดยใช้งบประมาณกว่า 300 ล้านบาท และมีงบลงทุนประจำปีอีก 700 ล้านบาทส่วนในระยะสั้นซึ่งเป็นโครงการ 17 โครงการ วงเงิน 1,155 ล้านบาท และในระยะยาวที่ยุทธศาสตร์บริการจัดการน้ำระหว่างปี 2560-2561 โดยใช้งบประมาณอีกกว่า 4,000 ล้านบาท นางรัตนา กล่าวว่า แม้ว่าปีที่แล้วจะมีพายุหว่ามก๋อ ทำให้มีฝนตกเป็นบริเวณกว้าง แต่จากข้อมูลปริมาณน้ำฝนตกสะสมทั่วประเทศใน ปี 2558 น้อยกว่าเกณฑ์ปกติอยู่มาก ซึ่งจะทำให้ปีนี้จะเกิดภาวะภัยแล้งรุนแรง จึงกำชับให้ กปภ.ทั้ง 234 สาขาเร่งสำรวจแหล่งน้ำสำรองในแต่ละพื้นที่ ทั้งที่เป็นส่วนของเอกชน แหล่งน้ำสาธารณะหรือหน่วยงานอื่นๆ ที่สามารถนำมาใช้เป็นแหล่งน้ำดิบในการผลิตน้ำประปาได้เพื่อเป็นน้ำต้นทุนสำรอง



กองทัพบัญชาการกองทัพไทย (บก.ทท.) แจ้งการฝึกร่วมผสมภายใต้รหัส คอบร้าโกลด์ 2016 จะมีพิธีเปิดการฝึกในวันที่ 9 กุมภาพันธ์นี้ ที่กองบัญชาการนาวิกโยธิน จ.ชลบุรี โดยมีผบ.ทหารสูงสุด และเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา เป็นประธานร่วม กำหนดระยะเวลาการฝึกวันที่ 9-19 ก.พ.นี้ มีประเทศเข้าร่วมฝึกมากกว่า 28 ประเทศ แบ่งเป็นประเทศที่เข้าร่วมฝึกหลัก 7 ประเทศ ประกอบด้วย ไทย สหรัฐ สิงคโปร์ ญี่ปุ่น อินโดนีเซีย สาธารณรัฐเกาหลีและมาเลเซีย ประเทศในโครงการเสนาธิการผสมส่วนเพิ่มนานาชาติหรือ MPAT 9 ประเทศได้แก่ ออสเตรเลีย แคนาดา ฝรั่งเศส อังกฤษ อิตาลี บังกลาเทศ เนปาล มองโกเลีย และฟิลิปปินส์ ส่วนประเทศที่เข้าร่วมสังเกตการณ์การฝึกหรือ COLT มี 10 ประเทศ อยู่ระหว่างการรอการตอบรับ คือ ชิลี เวียดนาม ลาว แอฟริกาใต้ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เนเธอร์แลนด์ บรูไน เมียนมา ซาอุดีอาระเบีย และกัมพูชา และประเทศที่เข้าร่วมฝึกเพิ่มเติมในโครงการช่วยเหลือประชาชน 2 ประเทศคือ จีน และอินเดีย รวมกำลังพลร่วมฝึก 8,564 นาย



ที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) นายประยงค์ ปรียาจิตต์ เลขาธิการ ป.ป.ท. ในฐานะเลขานุการศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) คาดว่าการตรวจสอบโครงการอุทยานราชภักดิ์ จะตรวจสอบเสร็จภายในสิ้นเดือนมกราคมนี้ เนื่องจากขณะนี้ อยู่ระหว่างการสรุปคดี



ส่วนนายวิเชียร พงศธร อดีตกรรมการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จะเข้าชี้แจงกับศอตช. ในวันนี้เวลา 14.30 น.



กรณีพระพรหมสุธี (เสนาะ ปญฺญาวชิโร) อายุ 58 ปี อัตวินิบาตกรรม ด้วยการใช้ประคดผูกแทนเชือกแขวนคอ ซึ่งแพทย์และเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบว่ามรณภาพก่อนที่จะมีผู้พบประมาณ 6 ชั่วโมง แต่ยังต้องชันสูตรอย่างละเอียด ซึ่งน้องชายและพระลูกศิษย์ที่เป็นผู้ใกล้ชิดทราบว่า พระพรหมสุธีมีอาการอาการอาพาธต้องเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลกรุงเทพ และต้องฉันยาแก้เครียดและยาความดันวันละ 4 เวลา สำหรับเรื่องที่ถูกปลดจากตำแหน่งก็เป็นไปได้ว่าอาจจะเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้เกิดความเครียดพล.ต.ต.นพ.พรชัย สุธีรคุณ ผู้บังคับการสถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ เปิดเผยว่า ได้รับศพพระพรหมสุธีเพื่อชันสูตรตรวจสอบถึงสาเหตุการมรณภาพอย่างละเอียด โดยต้องตรวจสอบให้รอบคอบว่ามีร่องรอยการต่อสู้หรือถูกทำร้ายหรือไม่ และอาจจะต้องตรวจเลือดและอาหารด้วยว่ามีสิ่งแปลกปลอมหรือไม่ ซึ่งต้องใช้เวลา ซึ่งคาดว่าในวันนี้ จะทราบผลในเบื้องต้น



ที่กรมควบคุมโรค นพ.อำนวย กาจีนะ อธิบดีกรมควบคุมโรค พร้อมด้วย พญ.จริยา แสงสัจจา ผอ.สถาบันบำราศนราดูร แถลงความคืบหน้ากรณีพบผู้ป่วยไวรัสเมอร์ส ชาวโอมาน ในประเทศไทย ซึ่งยังพักรักษาตัวในห้องแยกโรคเฝ้าติดตามอาการอย่างใกล้ชิด และมีการนำผู้สัมผัสเสี่ยงสูง เข้ารับการสังเกตอาการเพิ่มเติมอีกที่สถาบันบำราศนราดูร โดยมีผู้ที่อยู่ที่ต้องอยู่ที่สถาบันบำราศนราดูร 9 คน เป็นญาติ 1 คน คนขับแท็กซี่ 2 คน ผู้ร่วมเดินทางคนไทย 1 คน และชาวโอมาน 5 คน จากการตรวจเสมหะครั้งแรก ทุกคนสบายดีไม่มีอาการป่วย ส่วนผู้ที่มีความเสี่ยงต่ำได้รายชื่อและดำเนินการติดตาม และแนะนำให้แยกตัวเองลดสังคมกับผู้อื่นและติดตามทุกวันจนครบ 14 วัน



ด้านพญ.จริยา กล่าวว่า ในส่วนของค่ารักษาพยาบาลนั้นครั้งก่อนทางรัฐบาลไทยเป็นผู้จ่าย ซึ่งโรคเมอร์สมีค่าใช้จ่ายที่สูงมาก เพราะต้องแยกผู้ป่วย เฉพาะค่าไฟเครื่องกรองอากาศก็สูงกว่าปกติถึง 3 เท่า ครั้งนี้จะต้องพยายามแจ้งเพื่อให้ผู้ป่วยจ่ายเอง แต่หากผู้ป่วยไม่สามารถจ่ายเองได้ก็จะมีการแจ้งไปยังสถานทูตเพื่อให้ทางรัฐบาลโอมานเป็นผู้ออกค่าใช้จ่าย สำหรับผู้ที่สัมผัสเสี่ยงสูงและกักตัวไว้ดูอาการจะได้ค่าชดเชยวันละ 500 บาท



ปิดท้ายที่กรณีสายการบินไทย สมายล์ ประกาศเปิดบริการขายตั๋วเครื่องบินพิเศษให้ตุ๊กตาลูกเทพ เพื่อแก้ปัญหาดีเลย์จากแอร์โฮสเตสนับหัวสับสน



ที่กระทรวงยุติธรรม (ยธ.) พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม กล่าวว่า ส่วนตัวมองเป็นเรื่องส่วนตัวของผู้เลี้ยง แต่มีความเป็นห่วงว่าอาจมีขบวนการค้ายาเสพติดใช้ตุ๊กตาลูกเทพเป็นเครื่องมือลำเลียงยาเสพติด ส่วนที่มีความกังวลว่าหากนำตุ๊กตาลูกเทพขึ้นเครื่องบินนั้น อาจไม่ได้ตรวจสอบเรื่องความปลอดภัยนั้น  เจ้าหน้าที่สนามบินทุกแห่งมีเครื่องตรวจสแกนวัตถุต้องสงสัยอยู่แล้ว จึงไม่น่าเป็นห่วง



ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ. จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. กล่าวว่าเป็นความเชื่อส่วนบุคคล ซึ่งก็เคารพสิทธิส่วนนี้ แต่ส่วนตัวมองว่าไม่เหมาะสมที่จะเอาตุ๊กตาลูกเทพขึ้นเครื่องบิน เพราะกลุ่มมิจฉาชีพอาจฉวยโอกาสใช้เป็นช่องทางในการซุกซ่อนยาเสพติด หรือ สิ่งผิดกฎหมาย ขณะเดียวกันการนำตุ๊กตาลูกเทพขึ้นเครื่องบินถึงแม้จะเสียค่าโดยสารพาขึ้นเครื่อง แต่อยากให้คำนึงถึงคนที่นั่งด้านข้างจะรู้สึกอย่างไร และพอมีเครื่องบินให้นำตุ๊กตาลูกเทพขึ้นได้ รถทัวร์โดยสารก็จะเอาบ้าง เดี๋ยวรถไฟก็เอาตาม ทีนี้ไปกันใหญ่ จึงอยากฝากขอความร่วมมือด้วย ผมไม่รู้ว่าตุ๊กตาตัวละเท่าไหร่และมีที่มาอย่างไร แม้แต่พระเองยังไม่เห็นด้วย เอาเงินไปทำบุญจะดีกว่า แต่ก็เข้าใจว่าเป็นสิทธิเป็นความเชื่อส่วนบุคคล ผมคงไม่ไปละเมิดสิทธิท่าน เพียงแต่ผมมองว่าไม่เหมาะสม เหมือนกุมารทองหรือทามาก็อตจิในสมัยก่อน ไม่รู้ว่าประเทศเรามาถึงจุดนี้ได้ยังไง ก็ยังงงอยู่เหมือนกัน



ด้านนพ.เจษฎา โชคดำรงสุข อธิบดีกรมสุขภาพจิต เปิดเผยว่า พื้นฐานจิตใจของคนไทยส่วนมากมีความเชื่อเกี่ยวกับเรื่องไสยศาสตร์อยู่แล้ว การเลี้ยงตุ๊กตาลูกเทพไม่ถือว่าเป็นผู้ที่มีความผิดปกติทางจิต ส่วนหนึ่งมาจากกระแสของสังคม และอีกส่วนก็มาจากความเชื่อส่วนตัว และต้องการที่พึ่งทางใจ



*-*

ข่าวทั้งหมด

X