หลังพบผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจตะวันออกกลาง หรือโรคเมอร์ส รายที่ 2 ของประเทศไทย ซึ่งเป็นชายชาวโอมานอายุ 71 ปี ที่เดินทางทางเครื่องบินด้วยสายการบินโอมาน ร่วมกับผู้โดยสารทั่วไป ทำให้มีการตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับการคัดกรองที่สนามบิน นายศิโรตม์ ดวงรัตน์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทอท.) เปิดเผยว่า เมื่อคืนนี้ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ มีการประชุมหารือกับกรมควบคุมโรค นเรื่องมาตรการป้องกันและเฝ้าระวังผู้ป่วยเมอร์ส ที่เดินทางเข้าประเทศไทย โดยมาตรการแรกที่จะเริ่มใช้ คือการแยกจุดจอดเครื่องบินที่มาจากประเทศในแถบตะวันออกกลางให้เข้าหลุมจอดเฉพาะ E และ G เพื่อให้ผู้โดยสารได้รับการตรวจวัดอุณภูมิจากเครื่องเทอร์โมสแกน โดยเริ่มใช้ทันทีตั้งแต่เมื่อคืนนี้ เวลา 24.00 น.

ทั้งนี้ หลังจากที่ประเทศไทยพบผู้ป่วยโรคเมอร์สรายแรก ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิก็มีการจัดซื้อ และติดตั้งเครื่องเทอร์โมสแกนเพิ่มอีก 3 เครื่อง จากเดิมที่มีอยู่ 4 เครื่อง รวมเป็น 7 เครื่อง และมีเจ้าหน้าที่คอยประจำอยู่ นอกจากนี้ยังให้เจ้าหน้าที่เฝ้าระวัง คอยสังเกตผู้โดยสาร ก่อนขึ้นเครื่องด้วย รวมถึงการให้เจ้าหน้าที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเพิ่มการทำความสะอาดมากยิ่งขึ้น
สำหรับเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานภายในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ถือเป็นบุคคลที่มีความเสี่ยงสูง เพราะมีความใกล้ชิดกับผู้ที่เดินทางเข้า - ออกประเทศ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ระบุว่า ในเรื่องนี้ได้มีการแจ้งให้หัวหน้าหน่วยงาน ใหความรู้กับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน และ กำชับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในเรื่องการวางแนวทางป้องกันโรคติดต่อ หมั่นสังเกตอาการของตัวเองอย่างสม่ำเสมอ และหมั่นดูแลรักษาความสะอาดร่างกาย
ทั้งนี้จากจากการเปิดเผยของนายศิโรตม์ พบว่า ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิมีผู้ที่เดินทางมาจากประเทศตะวันออกกลาง มายังประเทศไทย ประมาณ 17-20 เที่ยวบินต่อวัน หรือประมาณ 6,000 คนต่อวัน และฝากถึงผู้ใช้บริการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ว่า อย่าได้ตื่นตระหนก เพราะท่าอากาศยานสุวรรณภูมิมีมาตรการคัดกรอง เฝ้าระวังอย่างเข้มงวด และมีเจ้าหน้าที่จากกรมควบคุมโรค เจ้าหน้าที่ตำรวจของสำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ฯลฯ คอยตรวจตรา และเฝ้าระวังอยู่ตลอดเวลา และหากพบผู้โดยสารที่มีอาการไข้ หรือต้องสงสัยว่าจะป่วย ให้แจ้งไปยังด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศทันที หมายเลขโทรศัพท์ 0 2134 0136-9
....
ผสข.สมจิตร์ พุลสุข