วางกรอบรับซื้อยางจันทร์นี้ ปลัดก.เกษตรฯ-กยท.พร้อมแล้ว

การเตรียมความพร้อมกระบวนการรับซื้อยางพาราเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรที่จะเริ่มรับซื้อในวันจันทร์ที่ 25 ม.ค. นายธีรภัทร ประยูรสิทธิ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า การยางแห่งประเทศไทย กยท. ได้เตรียมความพร้อมของระบบคอมพิวเตอร์เพื่อรองรับการรับซื้อยางพาราทั้ง 3 ประเภท ได้แก่ ยางแผ่นดิบคุณภาพ 3 กิโลกรัมละ 45 บาท น้ำยางสด (ปริมาณเนื้อยางแห้ง 100%) กิโลกรัมละ 42 บาท และยางก้อนถ้วย (ปริมาณเนื้อยางแห้ง 100% ) กิโลกรัมละ 41 บาท พร้อมทั้งการแก้ไขปัญหาหากระบบคอมพิวเตอร์ล่มเนื่องจากไฟดับหรือสาเหตุอื่น โดยจะใช้ระบบคอมพิวเตอร์คู่ขนานไปกับระบบแมนนวลเซ็นชื่อกำกับในเอกสารควบคู่กันเพื่อตรวจสอบการขายยางของเกษตรกร ทั้งปริมาณยางและพื้นที่ปลูกยางเพื่อป้องกันการสวมสิทธิ์
การรับซื้อยางจะเป็นการรับซื้อตามความต้องการใช้ยางในประเทศของ 8 กระทรวง หากได้ครบตามปริมาณที่กำหนดคือ 100,000 ตัน จะหยุดการรับซื้อและพิจารณาถึงมาตรการที่จะดำเนินการอีกครั้ง ส่วนการติดตามตรวจสอบการทุจริต หากได้รับการร้องเรียนเรื่องความผิดปกติในการรับซื้อยางทางกระทรวงจะเข้าไปตรวจสอบ เพื่อป้องกันการทุจริตและการหมุนเวียนนำยางไปขายใหม่ ซึ่งจากการตรวจสอบขณะนี้ยังไม่พบความผิดปกติแต่อย่างใด
ส่วนความคืบหน้าการจ่ายเงินชดเชยให้ชาวสวนยางไร่ละ 1,500 บาท ขณะนี้ได้จ่ายเงินไปแล้วเกือบ 200 ล้านบาท และอยู่ระหว่างการตรวจสอบสิทธิ์เกษตรที่ขึ้นทะเบียนอีก 790,000 ราย ซึ่งจะเร่งรัดให้จ่ายเงินแล้วเสร็จทั้งหมดภายในสิ้นเดือน ม.ค. นี้
ด้านนายเชาว์ ทรงอาวุธ ผู้ปฏิบัติหน้าที่ผู้ว่าการยางแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ในวันที่ 25 ม.ค. นี้ จะเปิดจุดรับซื้อ 614 จุด จากนั้นจะเร่งขยายจุดรับซื้อให้ได้ถึง 834 จุด และ 1,200 จุด ตามลำดับ โดยได้ประชาสัมพันธ์จุดรับซื้อยาง ซึ่งเป็นจุดที่มีการซื้อขายยางเดิมอยู่แล้ว รวมถึงวิธีการขายยางผ่านหอกระจายข่าวในพื้นที่ปลูกยาง ซึ่งเกษตรกรต้องนำบัตรประชาชนตัวจริงไปใช้ยืนยันสิทธิ์ ไม่สามารถใช้ใบขับขี่แทนได้ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ได้เชื่อมโยงข้อมูลกับกระทรวงมหาดไทยในการตรวจสอบสิทธิ์ผ่านไมโครชิพ คาดว่าจะมีเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนแล้วมากกว่า 1ล้านราย มาขายยางกับโครงการ ภายหลังรับซื้อยางจะนำไปเป็นแปรรูปเป็นยางแผ่นรมควัน ยางแผ่นรมควันอัดก้อน ยางแท่ง และ น้ำยางข้น ผ่านกลไกสถาบันเกษตรกร โรงงานแปรรูปยาง และผู้ประกอบการ