*องคมนตรี พอใจการพลิกฟื้นพื้นที่โครงการป่ารักน้ำบ้านถ้ำติ้ว จ.สกลนคร*

22 มกราคม 2559, 14:27น.


การพลิกฟื้นป่าเสื่อมโทรม ให้เป็นป่าต้นน้ำ ของโครงการป่ารักน้ำบ้านถ้ำติ้ว อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ซึ่งตั้งอยู่ที่ตำบลปทุมวาปี อำเภอส่องดาว จังหวัดสกลนครซึ่งเป็นจุดสุดท้ายของการเดินทางลงพื้นที่ระหว่างวันที่ 21-22ม.ค.2558 ของนายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี และคณะผู้บริหาร เจ้าหน้าที่ของสำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (กปร.) ที่เดินทางมาติดตามความคืบหน้าของโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ในพื้นที่จังหวัดสกลนคร



นายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี กล่าวว่า ภาพรวมการเดินทางมาครั้งนี้ เพื่อติดตามความคืบหน้าของโครงการในพระราชดำริ เรื่อง ป่า และน้ำ โดยพื้นที่โครงการป่ารักน้ำบ้านถ้ำติ้วอันเนื่องมาจากพระราชดำริแห่งนี้เป็นพื้นที่ประวัติศาสตร์ในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมในเรื่อง ป่า และน้ำ เพราะเป็นโครงการป่ารักน้ำในพระราชดำริแห่งแรก ซึ่งทุกคน ต้องช่วยกันฟื้นฟูขยายความก้าวหน้าโครงการป่ารักน้ำตัวอย่างนี้ ให้มีความยั่งยืน ถาวรต่อไป เพื่อจะได้พัฒนาให้เป็นประโยชน์แก่ชุมชนมากยิ่งขึ้น เพื่อทำให้ในพื้นที่มีแหล่งน้ำต้นทุนให้แก่ประชาชนได้ใช้สอยตลอดทั้งปี





นายสุริยา ดูสกุลรัตน์ เจ้าพนักงานอาวุโส ในฐานะหัวหน้าโครงการพัฒนา และฟื้นฟูสภาพป่า พื้นที่โครงการป่ารักน้ำอันเนื่องมาจากพระราชดำริ บ้านถ้ำติ้ว จังหวัดสกลนคร กล่าวว่า พื้นที่แถบนี้เดิมเป็นพื้นที่ที่มีความแห้งแล้ง และมักจะเกิดปัญหาจากไฟป่า และประสบปัญหาเรื่องการบุกรุกพื้นที่ป่า ซึ่งเมื่อสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงทราบ และเกรงว่าถ้าปล่อยไว้ ป่าบริเวณนี้อาจจะถูกทำลายเป็นป่าเสื่อมโทรมในอนาคต เมื่อปี 2525 ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาปลูกป่าตัวอย่างบนพื้นที่ 1 ไร่ และให้ประชาชนดูแลกันเอง ซึ่งเมื่อเวลาผ่านไปต้นไม้เริ่มโตขึ้น ก็ไม่มีใครดูแลป่าแห่งนี้อย่างต่อเนื่อง ทำให้ป่ามีความเสื่อมโทรมลง จนเมื่อปี 2556 กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช จึงเข้ามาฟื้นฟูป่าต้นน้ำแห่งนี้ ร่วมกับชาวบ้านในชุมชนโดยช่วยดูแลป่าแห่งนี้ ซึ่งผลการดำเนินการ ประมาณ 2 ปีกว่า ทำให้ชาวบ้านเข้าใจในการช่วยกันรักษาป่า ซึ่งตั้งแต่ดำเนินการมาในระยะเวลาไม่นาน ก็เพิ่มพื้นที่ป่าได้กว่า 400ไร่ รวมถึงได้ร่วมกันสร้างฝายไปแล้วกว่า 60แห่ง มีการจัดแนวกันไฟป้องกันไฟป่าร่วมกัน และเพาะกล้าไม้ท้องถิ่น เช่น ไม้ประดู ไม้แดง เพื่อแจกจ่ายชาวบ้านให้ไปปลูกในป่าเพิ่มขึ้น ซึ่งภาพรวมขณะนี้ป่าชุมชนแห่งนี้ก็มีความสมบูรณ์มากขึ้น ส่วนปัญหาจากไฟป่าขณะนี้ก็ไม่มีแล้ว





ด้านนายอุทตย์ สมพินิจ อายุ 40ปี ชาวบ้านในพื้นที่ เล่าให้ฟังว่า พื้นที่แห่งนี้ชาวบ้านเกือบทั้งหมดจะประกอบอาชีพทำนา รวมถึงปลูกมันสำปะหลัง และยางพารา แต่ช่วงที่ว่างก็จะเก็บเห็ด ผักหวาน หน่อไม้ ในป่าพื้นที่ชุมชนแห่งนี้มาตั้งแต่อดีต แต่บางทีเมื่อเข้าไปเก็บของป่าก็อาจทำให้เกิดไฟไหม้ป่าขึ้น รวมถึงทรัพยากรป่าก็ถูกทำลาย แต่เมื่อมีเจ้าหน้าที่โครงการป่ารักน้ำบ้านถ้ำติ้วอันเนื่องมาจากพระราชดำริ มาตั้งที่แห่งนี้ ก็ได้มาสอนชาวบ้าน ให้ทำการเกษตรชนิดอื่น รวมถึงสอนการเลี้ยงสัตว์ เพื่อที่จะได้ไม่ต้องเข้าไปหาของป่า เช่น สอนปลูกพืชผักสวนครัวหลายหลายชนิด สอนเลี้ยงปลาไหล กบ ปลาดุกในบ่อดิน  และให้ความรู้ อบรมในเรื่องการอนุรักษ์ป่าต้นน้ำ ว่าถ้าไม่มีป่า ก็ไม่มีน้ำ และเมื่อนั้นทุกคนจะได้รับผลกระทบนี้ ทุกคนก็เข้าใจถึงการอนุรักษ์ป่า และปัจจุบัน ก็ช่วยกันดูแลป่าชุมชนแห่งนี้ให้เป็นต้นน้ำหลักในชุมชน เพื่อทำให้ทั้งป่าและชุมชนมีความอุดมสมบูรณ์





ผู้สื่อข่าว:วิรวินท์ ศรีโหมด  



 



 

ข่าวทั้งหมด

X