*สตง.เล็งสอบเงินบริจาคเอกชนคดีราชภักดิ์/สมคิด ปรับทัพตั้งเป้าส่งออกปีนี้ 5%*

+++การตรวจสอบอุทยานราชภักดิ์ จ. ประจวบคีรีขันธ์ นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) กล่าวว่า ผลสอบอุทยานราชภักดิ์ ทั้งงบกลาง 63 ล้านบาทถูกใช้ในโครงการ การรับ-จ่าย เงินบริจาค ไม่พบความผิดปกติ มีบัญชีรับรองถูกต้อง รวมถึงการใช้จ่ายเงิน เช่น ต้นปาล์ม ผลการตรวจสอบไม่พบการแจ้งเบิกจ่ายเงินเป็นค่าจัดซื้อ แต่มาจากการบริจาค ตรงกับการให้ข้อมูลของเอกชน ส่วนค่าหล่อพระบรมรูปบูรพกษัตริย์ 7 พระองค์ แยกเป็น ค่าใช้จ่ายได้จากเงินบริจาคจำนวน 318 ล้านบาท ไม่พบความผิดปกติ แต่เหลือประเด็นที่น่าสนใจและต้องตรวจสอบต่อคือเงินบริจาค 20 ล้าน เป็นการบริจาคในนามโรงหล่อ 1 โรง โรงหล่อดังกล่าวไม่ได้รับงานกับมูลนิธิอุทยานราชภักดิ์ และมีความสัมพันธ์กับเซียนพระรายหนึ่ง และเงินก้อนนี้อาจเป็นเงินก้อนเดียวกับที่โรงหล่อ 5 โรงจ่ายให้แก่เซียนพระรายนี้ ในฐานะค่านายหน้าและที่ปรึกษาหรือเรียกว่าค่าโสหุ้ย ในทางบัญชีและสรรพากร การจ่ายค่าที่ปรึกษาสามารถทำได้ หากค่าใช้จ่ายไม่สูงเกินควร ทางบัญชีกำหนดไว้ว่าต้องไม่เกินร้อยละ 30 อย่างไรก็ตาม สตง.จะไม่สอบคำให้การเพิ่มเติมในประเด็นนี้ เนื่องจาก ป.ป.ท.สอบอยู่แล้ว สตง.จะสรุปผลสอบภายในเดือนมกราคมนี้

+++พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า พยายามเร่งให้เสร็จ ก็รู้ว่าประชาชนต้องการรอคำตอบ เรื่องอย่างนี้ควรที่จะละเอียดรอบคอบ คิดว่า เมื่อศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) ประกาศแล้วคงจบ ต้องทำให้รอบคอบในทุกๆ เรื่อง

+++พล.อ.ไพบูลย์ เปิดเผยถึงกรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ตรวจสอบรถหรูของสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง วรปุญฺโญ) ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราชและเจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ว่าให้เสรีข้าราชการในการทำงานเหมือนคดีอื่นๆ ไม่ได้ลงในรายละเอียด ส่วนตัวไม่ได้มีการเร่งรัดการดำเนินการ เพราะเรื่องนี้ เป็นเรื่องที่มีความละเอียดอ่อน

+++รายงานระบุว่า ดีเอสไอ อยู่ระหว่างการประสานงานให้บริษัทเบนซ์ มาช่วยตรวจสอบเลขเครื่องยนต์และตัวถังของรถยนต์ยี่ห้อเมอร์เซเดส-เบนซ์ ทะเบียน ขม 99 กรุงเทพมหานคร ตรวจสอบว่าผลิตจากโรงงานแห่งใด และมีการนำส่งประเทศใด เพื่อตรวจสอบต้นทาง

+++ นายกนก แสนประเสริฐ รองผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) กล่าวภายหลังการประชุมกรรมการมหาเถรสมาคม (มส.) ว่า ที่ประชุม มส.ไม่ได้พูดถึงการเสนอชื่อแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราชเพราะถือว่า มส.ได้มีมติและส่งเรื่องไปยังรัฐบาลแล้ว ส่วนกรณีที่นาย สุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแล พศ. ได้มอบให้ พศ.รวบรวมข้อมูลคำร้องเรียนจากฝ่ายคัดค้านและฝ่ายสนับสนุน การเสนอชื่อสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ อยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูลยังไม่สามารถกำหนดกรอบเวลาได้ว่าจะส่งข้อมูลได้เมื่อใด

+++นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. แถลงมติที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.ว่า กรณีสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ตรวจสอบงบการเงินขององค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) บุรีรัมย์ โครงการส่งเสริมและพัฒนาการกีฬาสู่ความเป็นเลิศ ที่เบิกจ่ายเงินอุดหนุนให้สมาคมกีฬาจังหวัดบุรีรัมย์ จำนวน 20 ล้านบาท เพื่อนำไปใช้เป็นค่าใช้จ่ายในการให้ประชาชนร่วมชมและเชียร์ฟุตบอล ทีมบุรีรัมย์ยูไนเต็ด เป็นการใช้เงินงบประมาณที่ไม่ถูกต้อง เนื่องจากเป็นการใช้จ่ายเงินสนับสนุนให้แก่เอกชน มิใช่เป็นการใช้เงินงบประมาณเพื่อดูแลจัดทำบริการสาธารณะเพื่อประโยชน์ของประชาชนในท้องถิ่น โดยส่วนรวม เห็นว่าเป็นกรณีมีเหตุอันควรสงสัยว่านางกรุณา ชิดชอบ นายกอบจ.บุรีรัมย์ กับพวก มีพฤติการณ์กระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ มีมติให้รับเรื่องไว้ดำเนินการ มอบหมายให้สำนักงาน ป.ป.ช.ไปดำเนินการแสวงหาข้อเท็จจริงและรวบรวมพยานหลักฐานต่อไป

+++เรื่องในวงการฟุตบอล พ.อ.วรวุฒิ ทองศรีงาม เลขาธิการสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์และทำหน้าที่รักษาการแทนนายวรวีร์ มะกูดี นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ที่ถูกฟีฟ่าพักงานเพิ่ม 45 วัน  ได้ออกหนังสือรับรองรายชื่อผู้สมัครที่มีสิทธิ์รับเลือกตั้งเป็นนายกสมาคมฟุตบอลที่ถูกต้อง  4 คน          ประกอบด้วย 1.นายธวัชชัย สัจจกุล และคณะฯ สมัครเมื่อวันที่ 7 มกราคม 2559 2.นายชาญวิทย์ ผลชีวิน และคณะฯ สมัครเมื่อวันที่ 11 มกราคม 2559 3.นายพินิจ สะสินิน สมัครเมื่อวันที่ 11 มกราคม 2559   และ 4.พ.ต.ท.ชัยทรัพย์ ธรัช ฤทธิ์เต็ม สมัครเมื่อวันที่ 11 มกราคม 2559 ส่วนอีก 2 คนคือ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง และนายณัฐพล ทีปสุวรรณ  เนื่องจากไปสมัครที่สำนักงานการกีฬาแห่งประเทศไทยกับคณะกรรมการเลือกตั้ง เป็นการทำผิดกฎสมาคมฟุตบอลฯ ข้อ 33 องค์ประกอบของสภากรรมการ และอนุ 33.4  ผู้สมัครเลือกตั้งจะต้องยื่นใบสมัครไปที่สำนักงานเลขาธิการสมาคมเท่านั้น

+++เรื่องเศรษฐกิจ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ยืนยัน ไม่ลดเป้าส่งออกปีนี้ที่กำหนดไว้ร้อยละ 5 แม้เศรษฐกิจโลกชะลอตัวหนัก แต่อยากให้ทำให้เต็มที่ มอบนโยบายเร่งด่วน ปรับทัพการทำงานของทูตพาณิชย์ ทั่วโลกใหม่ เจาะตลาดเชิงลึกตามเมืองสำคัญ ๆ ของโลก โดยเฉพาะการนำสินค้าไปจำหน่ายแหล่งถนนคนเดิน, การจัดทำโครงการสินค้าเกษตรไทยสู่โลก และผลักดันการส่งเสริมการค้าขายด้วยระบบอี-คอมเมิร์ซ สำหรับการปรับทัพใหม่ทูตพาณิชย์แต่ละประเทศควรเพิ่มเจ้าหน้าที่จากประเทศ นั้น ๆ มาช่วยงาน ซึ่งอาจเป็นสัญญาจ้างชั่วคราว 1-2 ปีจากปัจจุบันที่มีบุคคลเพียง 2-4 คน เพื่อช่วยขยายตลาดสินค้าในแต่ละพื้นที่

+++กระทรวงพาณิชย์ รายงานให้ที่ประชุมรับทราบว่าการส่งออกปี 2558 ติดลบร้อยละ 5.5 ส่วนปีนี้ที่ตั้งเป้าโตร้อยละ 5 นั้นต้องส่งออกเป็นมูลค่าเฉลี่ยต่อเดือนที่ 18,810 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งตลาดหลักเดิม อาทิ สหรัฐฯ ยุโรป ญี่ปุ่น ยังอยู่ในภาวะเศรษฐกิจยังชะลอตัว ประกอบกับยังมีความผันผวนเรื่องราคาน้ำมัน ค่าเงินบาท และความขัดแย้งทางการเมืองของโลก

+++เรื่องการบินไทย นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัทการบิน ไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยหลังการประชุมคณะกรรมการการบินไทยว่า การบินไทยมีแผนขายสำนักงานในประเทศและต่างประเทศปีนี้ รวม 19 แห่ง แบ่งเป็นอสังหาริมทรัพย์ในประเทศ 9 แห่ง สำนักงานอสังหาริมทรัพย์ต่างประเทศอีก 10 แห่ง คาดว่าจะเริ่มขายทรัพย์สินในเดือน มี.ค. เป็นต้นไป และถ้าขายทรัพย์สินทั้ง 19 แห่ง จะได้เงินเข้าการบินไทยกว่า 1,000 ล้านบาท นอกจากนี้การบินไทยยังได้ปิดสถานีไป 4 สถานี คือ ลอสแอนเจลิส, มอสโก, มาดริด  โจฮันเนสเบิร์ก เนื่องจากได้ยกเลิกเส้นทางบิน ที่ประชุมคณะกรรมการการบินไทย รับนโยบายคณะกรรมการกำกับนโยบายรัฐวิสาหกิจ หรือ คนร. ที่จะให้การบินไทย ดำเนินงานเต็มประสิทธิภาพเพื่อเพิ่มรายได้-ลดรายจ่าย

+++การทำหน้าที่ของสื่อ เรื่องของปอ ทฤษฎี สหวงษ์  องค์กรวิชาชีพสื่อ ออกแถลงการณ์ขอแสดงความเสียใจและขออภัยต่อครอบครัวสหวงษ์ ญาติ แฟนคลับและประชาชนที่ติดตามข่าวสาร และขอน้อมรับคำวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ รวมถึงข้อเสนอแนะจากประชาชนผู้มีส่วนร่วมติดตามการทำหน้าที่ของสื่ออย่างใกล้ชิด และจะถือเป็นบทเรียนสำคัญในการปรับปรุงและพัฒนามาตรฐานในการประกอบวิชาชีพสื่อให้ดียิ่งขึ้น สภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย จะหารือและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นของตัวแทนผู้ประกอบวิชาชีพสื่อโดยด่วน เพื่อร่วมกันกำหนดแนวทางในการยกระดับการทำหน้าที่ของสื่อให้มีมาตรฐานมากยิ่งขึ้น