*ศาลสั่งจำคุก มือโพสต์ข้อความหมิ่นเบื้องสูง 6 ปี *

20 มกราคม 2559, 16:32น.


ศาลอาญา รัชดาภิเษก นัดฟังคำพิพากษาคดีที่พนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 4 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายปิยะ จุลกิตติพันธ์ เป็นจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาทหรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองศ์ นำเข้าและเผยแพร่สู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดๆ อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรหรือความผิดเกี่ยวกับการก่อการร้ายตามประมวลกฎหมายอาญา ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 14 (3) (5) กรณีเมื่อระหว่างวันที่ 27 กรกฎาคม-28 พฤศจิกายน 2556 โดยการโพสต์ข้อความหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ จำนวน 2 ข้อความอยู่ด้านบนพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จำนวน 2 ภาพ โดยใช้บัญชีเฟสบุ๊คชื่อนายพงศธร บันทอน (SIAMAID) โดยเจตนาทำให้ประชาชนเสื่อมศรัทธา ไม่เคารพสักการะ จากการสืบสวนพบว่านายพงศธร บันทอน คือ นายปิยะ จุลกิตติพันธ์ จากการตรวจสอบประวัติพบว่ามีการเปลี่ยนชื่อมาแล้วทั้งสิ้น 6 ครั้ง ตั้งแต่ปี 2544 และพบว่ามีพฤติกรรมเป็นบุคคลทุจริตสวมบัตรประชาชนในสมัยที่ใช้ชื่อนายทองจันทร์ บันทอน ที่อำเภอบุณฑริก จังหวัดอุบลราชธานี ก่อนที่จะมีการเปลี่ยนชื่อมาเป็นชื่อนายพงศธร บันทอน และชื่อนายปิยะ จุลกิตติพันธ์



โดยนายปิยะให้การยอมรับว่ารูปที่ปรากฏบนเฟสบุ๊คคือรูปของตนเองจริง และเป็นรูปที่ใช้เป็นโปรไฟล์ในกูเกิ้ลพลัสและทวิตเตอร์ แต่ปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นผู้ใช้เฟสบุ๊คนี้ และไม่เคยรู้จักคนชื่อพงศธรมาก่อน



ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานโจทก์และจำเลยแล้วเห็นว่า สำนักงานเขตดอนเมืองเคยแจ้งความนายปิยะ ฐานสวมตัวทำบัตรประชาชน ในชื่อ นายพงศธร บันทอน” และพักอาศัยอยู่ในเขตดอนเมืองระหว่างปี 2544-2547 ซึ่งสอดคล้องกับข้อมูลผู้ใช้เฟสบุ๊คดังกล่าว ดังนั้นจึงเชื่อได้ว่านายปิยะสมัครเฟสบุ๊คชื่อ “นายพงศธร บันทอน” เพื่อเจตนาปกปิดตัวตน แม้นายปิยะจะอ้างว่าเคยส่งคำร้องของลบภาพดังกล่าวไปยัง Google Search แต่ก็เป็นคำร้องเมื่อวันที่ 17 มกราคม 2557 หลังเกิดเหตุหลายเดือน โดยไม่ได้เข้าแจ้งความกับตำรวจ ผิดวิสัยคนปกติ ดังนั้นจำเลยกระทำผิดจริงตามฟ้อง พยานหลักฐานจำเลยไม่มีน้ำหนักหักล้างพยานหลักฐานโจทก์ พิพากษาให้จำคุก 9 ปี แต่คำให้การของจำเลยมีประโยชน์มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุก 6 ปี

ข่าวทั้งหมด

X