การประชุมคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) นอกสถานที่ เพื่อพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญรายมาตรา เป็นวันที่ 7 ในวันสุดท้าย โดยมีนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธาน กรธ. ทำหน้าที่ประธานการประชุม ซึ่งช่วงเช้า เป็นการทบทวนเนื้อหาการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญรายมาตรา ที่มีการพิจารณาในเบื้องต้น มาตั้งแต่วันที่ 11-16 มกราคม 59 มีจำนวน 261 มาตรา ใน 13 หมวด ซึ่งที่ประชุมจะยังไม่มีการพิจารณาในบทเฉพาะกาล โดย กรธ.จะนำไปพิจารณาต่อที่กรุงเทพฯ
ทั้งนี้ นายมีชัย สรุปภาพรวมของการประชุม ว่าจุดแตกต่างของร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้กับรัฐธรรมนูญที่ผ่านมา มีสิ่งสำคัญคือเรื่องสิทธิประชาชน ซึ่งพยายามทำให้สิทธิพื้นฐานเป็นสิทธิที่ทำให้เกิดผลอย่างจริงจัง ซึ่งจะต้องไม่กระทบสิทธิมนุษยชนด้วย ทั้งจะกำหนดว่าการใช้สิทธิของบุคคลต้องนึกถึงหน้าที่ ผลกระทบต่อคนอื่น และความมั่นคงของชาติ เพื่อไม่ให้ใช้แต่สิทธิจนลืมนึกถึงหน้าที่ ส่วนเรื่องของศาสนา โดยเฉพาะอย่างยิ่งศาสนาพุทธซึ่งมีการเรียกร้องให้กำหนดเป็นศาสนาประจำชาตินั้น เขียนบังคับไว้ว่ารัฐมีหน้าที่ต้องคุ้มครองไม่ให้ใครมาบ่อนทำลายได้ ส่วนกระบวนการในการเลือกตั้ง คิดว่าคะแนนทุกคะแนนต้องมีความหมาย ให้เสียงข้างน้อยได้รับการเคารพนับถือและดูแล รวมทั้งนำไปใช้กับการแก้ไขรัฐธรรมนูญด้วย และที่ผ่านมา ประเทศไทยมีปัญหาเรื้อรังคือเรื่องการทุจริต โดยเฉพาะการทุจริตการเลือกตั้งที่มีบทลงโทษรุนแรง รวมทั้งเรื่องของการใช้งบประมาณที่กำหนดโทษให้ต้องพ้นจากหน้าที่
ส่วนการได้มาซึ่งส.ว.ที่มาจากการเลือกตั้งทางอ้อมนั้น เพราะต้องการให้ส.ว.พ้นจากอำนาจพรรคการเมือง จึงกำหนดว่าส.ว.จะไม่ต้องอยู่ใต้พรรคการเมือง ขณะที่การสร้างความปรองดอง ก็มีการสอดแทรกไว้ในหลายๆหมวด ทั้งในส่วนสิทธิประชาชน หมวดรัฐสภา และกลไกการเลือกตั้ง ซึ่งทั้งหมดจะทำให้เกิดการสร้างความปรองดอง สำหรับเรื่องการปฏิรูป ไม่ได้พูดถึงโดยตรง และยังต้องรอผลสรุปจากสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ด้วย ขณะที่สิ่งที่กำหนดในรัฐธรรมนูญคือยุทธศาสตร์ชาติ ส่วนบทเฉพาะกาลยังต้องให้กรธ.ทุกคนกลับไปอ่านร่างทั้งหมดอีกครั้งก่อนกลับมาร่างในบทเฉพาะกาล โดยการนิรโทษกรรมให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) คงมีเหมือนเดิมตามปกติโดยเป็นการรับรองสิ่งที่เขาทำว่าถูกหรือทำได้ แต่ต้องไม่รวมกับเรื่องที่ผิด เช่น การทุจริต เป็นต้น
...