ว่าที่ประธานาธิบดีหญิงคนใหม่ไต้หวันให้คำมั่นจะปกป้องอธิปไตยของไต้หวัน

ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีในไต้หวันปรากฏว่า นางไช่ อิง เหวิน ผู้นำพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านสามารถคว้าชัยชนะไปได้อย่างขาดลอย ตามที่คณะกรรมการการเลือกตั้งของไต้หวันประกาศว่านางไช่ได้คะแนนนำที่ร้อยละ 56.12 ตามมาด้วยนายอีริค ชูจากพรรคก๊กมินตั๋งได้คะแนนร้อยละ 31.04 และนายเจมส์ ซูง จากพรรคประชาชนได้รับคะแนนร้อยละ 12.84 ส่งผลให้นางไช่ก้าวขึ้นเป็นประธานาธิบดีหญิงคนแรกของไต้หวัน ขณะที่ผลการเลือกตั้งทั่วไป พรรคประชาธิปไตยก้าวหน้าของเธอ ก็สามารถกวาดที่นั่งส่วนใหญ่ในสภาผู้แทนราษฎรได้เช่นกัน โดยสมาชิกพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้าได้รับเลือกทั้งหมด 68 ที่นั่งจากที่นั่งในสภา 113 ที่นั่ง ส่วนสมาชิกพรรคก๊กมินตั๋งได้รับเลือกจำนวน 35 ที่นั่ง นับเป็นการเปลี่ยนขั้วในการบริหารไต้หวันจากพรรคก๊กมินตั๋งมาเป็นพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้าอย่างสมบูรณ์

การเลือกตั้งที่มีขึ้นวานนี้มีผู้ออกไปใช้สิทธิเพียงร้อยละ 66 ซึ่งน้อยที่สุดเท่าที่เคยมีการเลือกตั้งมาในไต้หวัน หลังทราบผลการเลือกตั้ง นางไช่ได้กล่าวต่อบรรดาผู้สนับสนุนว่า ไต้หวันยุคใหม่กำลังเริ่มต้น พร้อมให้คำมั่นว่าจะเรียกคืนความเชื่อมั่นของประชาชนที่มีต่อรัฐบาลกลับคืนมา โดยจะแก้ไขนโยบายที่ผิดพลาดจากรัฐบาลก่อน และยืนยันจะปกป้องอธิปไตยและสันติภาพของไต้หวัน รวมทั้งเรียกร้องให้ชาวไต้หวันทุกคนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน นอกจากนั้น นางไช่ยังกล่าวถึงความเป็นไปได้ที่จะทำความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก หรือทีพีพี กับสหรัฐฯ ด้วย พร้อมระบุว่า เพื่อให้สามารถเข้าเป็นส่วนหนึ่งของความตกลงทีพีพี ไต้หวันจำเป็นต้องเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับภาคอุตสาหกรรม รวมทั้งสร้างกลไกด้านมาตรฐานความปลอดภัยทางอาหาร และหลังจากทราบผลการเลือกตั้งในไต้หวัน กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ก็ได้ออกแถลงการณ์แสดงความยินดีต่อชัยชนะของนางไช่ และยกย่องในความพยายามของเธอที่จะพัฒนาความสัมพันธ์กับจีน รวมทั้งประกาศจะให้ความร่วมมือกับผู้นำหญิงคนใหม่ของไต้หวันในการเดินหน้าสร้างผลประโยชน์ร่วมกัน ตลอดจนการสานความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ กับไต้หวันให้แน่นแฟ้นขึ้น ด้านนายชู ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากพรรคก๊กมินตั๋งได้กล่าวแสดงความยินดีกับนางไช่ พร้อมทั้งประกาศลาออกจากตำแหน่งผู้นำพรรค เช่นเดียวกับนายเหมา จื้อ กั๋ว นายกรัฐมนตรีจากพรรคก๊กมินตั๋ง ก็ได้ประกาศลาออกจากตำแหน่ง หลังทราบผลว่าพรรคก๊กมินตั๋งพ่ายการเลือกตั้ง

**7.42F174**