การประชุมติดตามการยกร่างรัฐธรรมนูญ นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) เปิดเผยว่า การยกร่างรัฐธรรมนูญ ได้เพิ่มกลไกให้องค์กรอิสระทำงานในเชิงรุก นอกจากตรวจสอบเรื่องที่มีการร้องเรียนแล้ว ยังให้อำนาจกับองค์กรอิสระ สามารถนำเรื่องที่เห็นว่ามีการทุจริตหรือไม่โปร่งใสขึ้นมาพิจารณาเองได้โดยไม่ต้องมีผู้ร้อง พร้อมลดขั้นตอนการพิจารณาคดีหรือสำนวนต่าง ๆ ให้น้อยลง ให้แต่ละองค์กรอิสระทำงานเชื่อมโยงกัน ยังไม่ได้ยกเลิกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ประจำจังหวัด เพียงแต่จะให้กำหนดไว้ในกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ
ประธาน กรธ. กล่าวว่า จะกำหนดไว้ในกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าในคดีสำคัญ ใช้เวลาการพิจารณาไม่ควรเกิน 1 ปี และขยายได้ 2 ครั้ง ๆ ละ 4 เดือน เพราะหากสอบกันจริง ๆ 1 ปี 8 เดือนน่าจะเรียบร้อย และถ้าเป็นเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ สามรถให้หน่วยงานต้นสังกัดดำเนินการเอง หรือหากเป็นคดีต่ำกว่าระดับผู้อำนวยการ สามารถมอบให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ไปดำเนินการได้ จะทำให้ลดภาระการทำงานได้
นอกจากนี้ หากพบว่ารัฐบาลดำเนินนโยบายหรือโครงการที่ทำหรือจะทำแล้วส่อว่าจะทำให้เกิดความเสียหายกับประเทศชาติ ให้ 3 องค์กร คือ สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) ป.ป.ช. และ คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) สามารถหารือร่วมกันแล้วเห็นว่าการกระทำดังกล่าวทำท่าจะเสียหาย ให้มีมติร่วมกันและเสนอไปยังคณะรัฐมนตรี( ครม.) และรัฐสภา เพื่อช่วยระงับยับยั้ง หรือช่วยเตือนให้ระงับยับยั้งก่อนที่จะเกิดความเสียหาย แต่หากรัฐบาลยังเดินหน้าต่อไปแล้วเกิดความเสียหาย รัฐบาลต้องรับผิดชอบกับผลที่เกิดขึ้นตามกฎหมาย กรธ.ยังเพิ่มอำนาจหน้าที่บางอย่างให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ หากพบเห็นการกระทำใดที่ละเมิดสิทธิมนุษยชน สามารถรายงานให้รัฐบาลทราบและแก้ไข พร้อมให้คำแนะนำด้วย
CR:แฟ้มภาพ