*รมว.ยธ.แถลงผลงาน ความเหลื่อมล้ำกม. ปราบปรามยาเสพติด แก้ทุจริตภาครัฐ*

13 มกราคม 2559, 12:59น.


แถลงผลงานรอบครบ 1 ปี ของกระทรวงยุติธรรม พลเอกไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า จากปัญหาความไม่เท่าเทียมกันในสังคม ทำให้ประชาชนไม่สามารถเข้าถึงสิทธิที่พึงได้รับ โดยเฉพาะกระบวนการยุติธรรม ที่ประชาชนยังไม่ได้รับบริการจากหน่วยงานอย่างเท่าเทียมและทั่วถึง ซึ่งเป็นปัญหาที่สะท้อนถึงความเหลื่อมล้ำในสังคมไทย กระทรวงยุติธรรมจึงได้ดำเนินการเพื่อแก้ปัญหาและมุ่งมั่นนำความยุติธรรมไปสู่ประชาชนในระดับหมู่บ้าน ภายใต้แนวคิด ยุติธรรมสู่หมู่บ้าน นำบริการรัฐสู่ประชาชน ที่จะทำให้งานบริการเข้าถึงประชาชนได้อย่างคลอบคลุม ซึ่งผลการดำเนินงานในด้านการอำนวยความยุติธรรมเพื่อลดความเหลื่อมล้ำ ได้เน้นให้ประชาชนเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมทุกพื้นที่ทั่วประเทศ โดยออกพระราชบัญญัติกองทุนยุติธรรม พ.ศ.2558 ซึ่งจะมีผลบังคับใช้วันที่ 24 เม.ย.2559 ส่งผลให้เกิดการกระจายอำนาจการพิจารณาคำขอรับการสนับสนุนเงินกองทุนยุติธรรมจากส่วนกลางไปสู่ 76 จังหวัด กระทรวงยุติธรรม ได้ดำเนินการเกี่ยวกับการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยนำทรัพย์สินที่คงค้างในการบังคับคดีออกมาจำหน่าย สามารถผลักดันทรัพย์สิน ออกจากระบบได้กว่า 9.9 หมื่นล้านบาท ซึ่งสูงที่สุดในรอบ 5 ปี ด้านการสร้างความปลอดภัยสู่สังคม กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน ได้เปิดสถานแรกรับเพิ่มเติมในทุกจังหวัดทั่วประเทศ กรมคุมประพฤติ ได้แก้ไขและฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดกว่า 53,000 รายจาก330,000 ราย พร้อมนำมาตรการลงโทษทางสังคมมาใช้กะบผู้ถูกคุมประพฤติที่ไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไข อาทิ ปฏิเสธหรือยับยั้งคำขอหนังสือเดินทาง ไม่ออก/ต่อใบอนุญาตขับขี่



ด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ที่ได้เนินการมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ประเทศที่อยู่ในสามเหลี่ยมทองคำซึ่งเป็นแหล่งผลิตยาเสพติดเข้ามาร่วมมืออย่างจริงจังจนประสบความสำเร็จในการดำเนินการตามแผนปฏิติการแม่น้ำโขงปบอดภัย โดยในอนาคตจะมีการขยายความร่วมมือจากเดิมที่มีเพียง 4 ประเทศ คือ จีน ลาว เมียนมา และไทย เป็น 6 ประเทศ โดยเพิ่มประเทศกัมพูชาและเวียดนามเข้ามา ด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ ที่ปัญหาการคอรัปชั่นถือว่าเป็นวาระแห่งชาติ ได้มีการจัดตั้งศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) เพื่อทำงานร่วมกับหน่วยงานทั้งหมดที่ดูแลเรื่องการทุจริต ด้านการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมพิเศษ ได้เน้นการสร้างความเชื่อมั่นในการดำเนินงานของกรมสอบสวนคดีพิเศษอย่างไม่เลือกปฏิบัติ เพื่อแก้ไขปัญหาของชาติและประชาชนที่ค้างมานาน โดยใช้มาตรการตามกฎหมายสอบสวนคดีพิเศษสนับสนุนการดำเนินคดีที่สำคัญ ได้แก่ ความผิดเกี่ยวกับการหมิ่นสถาบัน (มาตรา112) คดีความผิดเกี่ยวกับการฉ้อโกงประชาชนและแชร์ลูกโซ่ เช่น คดีสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคบองจั่น และคดีผู้บริหารธนาคารกรุงไทยจำกัด (มหาชน) ทุจริตการปล่อยเงินกู้ ด้านการพัฒนากฎหมายของประเทศ กระทรวงยุติธรรมได้มีบทบาทการบริหารงานยุติธรรมโดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน เพื่อเป็นหน่วยงานกลางในการบูรณาการพัฒนากฎหมาย ที่ผ่านมาได้ผลักดันกฎหมายทั้งสิ้น 421 ฉบับ โดยแบ่งเป็นพระราชบัญญัติที่เข้าสู่กระบวนการนิติบัญญัติแล้ว 241 ฉบับประกาศใช้แล้ว  120 ฉบับ

ข่าวทั้งหมด

X