ตามที่คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ มีการพิจารณาหมวด 3 สิทธิเสรีภาพของปวงชนชาวไทย และมีเนื้อหาที่กระทบต่อการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งกำหนดว่า ห้ามเจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัวผู้ต้องหามาแถลงข่าว เนื่องจากเป็นการละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐานในด้านการซ้ำเติมผู้ต้องหาและครอบครัว พล.ต.อ. จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่มีปัญหาในการปรับการทำงาน และเชื่อว่าก่อนที่จะมีการบังคับใช้ ทางกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ และฝ่ายอื่นๆ คงจะมีการกลั่นกรองเนื้อหา ศึกษาผลกระทบในเรื่องสิทธิมนุษยชนอย่างละเอียดแล้ว แม้ว่าการนำตัวผู้ต้องหามาแถลงข่าวนั้นจะเป็นการนำเสนอผลงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจให้กับประชาชนได้รับทราบก็ตาม
พล.ต.อ. จักรทิพย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า โดยส่วนแล้วคิดว่าสำหรับบางคดีที่สำคัญ ที่ผู้ต้องหากระทำการฆ่า ข่มขืน หรือมีจิตใจอำมหิต รวมทั้งการทำผิดกฎหมายที่มีวิธีการ ขั้นตอนแบบใหม่ ก็ควรจะต้องนำมาแถลงข่าวให้ประชาชนได้รับทราบเพื่อเป็นความรู้ และหาวิธีการป้องกันบ้าง
ด้านของพล.ต.อ.เดชณรงค์ สุทธิชาญบัญชา โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ส่วนตัวแล้วไม่ได้มีปัญหาในประเด็นการแถลงข่าว และตำรวจพร้อมที่จะปรับตัวและปฏิบัติตาม เพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นข้าราชการที่จะต้องปฏิบัติตามคำสั่งหรือกฎหมาย แต่ในระหว่างนี้ จะยังคงใช้ระเบียบวิธีการเดิม คือ นำตัวผู้ต้องหามาแถลงข่าวในคดีสำคัญ จนกว่าร่างรัฐธรรมนูญจะมีการบังคับใช้
ส่วนกรณีที่มีการรวบรวมรายชื่อคัดค้านการปฏิรูปตำรวจ ที่ให้แยกงานสืบสวนและงานสอบสวนออกจากสำนักงานตำรวจแห่งชาตินั้น พล.ต.อ.จักทิพย์ เปิดเผยว่า เป็นเรื่องของภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่เชื่อว่าจะสามารถจัดการและบริหารงานกันได้ อย่างไรก็ตาม หากจะแยกการสืบสวนออกไปเป็นองค์กรอิสระจริง ก็ยังไม่ทราบว่าหน่วยงานใดจะเป็นหน่วยงานที่จะต้องรับผิดชอบ นอกจากนี้ยังเห็นว่ากระบวนการยุติธรรมของประเทศไทยก็มีการถ่วงดุลอำนาจกันอยู่แล้ว หากแยกงานสืบสวนและงานสอบสวนออกจากกันแล้วก็จะทำให้การทำงานยากยิ่งขึ้น จึงไม่ทราบว่าผู้ที่มีความคิดต้องการแยกฝ่ายสืบสวนกับสอบสวนออกจากกัน ใช้อะไรเป็นตัวตั้ง หรือคิดว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจทำงานได้ไม่มีประสิทธิภาพ ไม่ได้ความเป็นธรรม ทั้งนี้พล.ต.อ. จักทิพย์ ยังชี้แจงว่าไม่ใช่ไม่เห็นด้วยกับการปฏิรูป เพราะหากมีข้อกำหนดไว้ ก็พร้อมที่จะปฏิบัติตาม แค่ยังมองไม่ออกว่าหากแยกงานสืบสวนกับสอบสวนออกจากกัน จะทำงานกันอย่างไร
นอกจากนี้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยังได้เปิดเผยถึง กรณีกลุ่มวัยรุ่นก่อเหตุไล่ยิงคู่อริ ทำให้มีเยาวชนอายุ 15 ปี ถูกลูกหลงเสียชีวิต 1 ราย เหตุเกิดในพื้นที่ สน. บางชัน ว่า ในส่วนนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติต้องดำเนินคดีอยู่แล้ว ขณะนี้ได้ประสานกับฝ่ายสอบสวน สน.บางชัน เพื่อให้เร่งติดตามตัวคนร้าย เนื่องจากเป็นการก่อเหตุที่ไม่น่าจะเกิดขึ้น โดยเรื่องนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้นิ่งนอนใจ เพราะเกิดเหตุกับผู้บริสุทธิ์ เชื่อว่าในเร็วๆ นี้น่าจะจับกุมผู้ต้องหาได้ ในส่วนของตำรวจก็ต้องไปเยี่ยมผู้ที่ได้รับผลกระทบเหมือนกัน ขณะที่ผู้สื่อข่าวก็ได้ถามผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ว่าในพื้นที่สน. บางชัน มีเหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้นบ่อย และมีคดีเกี่ยวกับการพกอาวุธปืนจำนวนมาก ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะดำเนินการในพื้นที่อย่างไรบ้าง ซึ่งทางพล.ต.อ. จักรทิพย์ ก็ระบุว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้มีการระดมกวาดล้างอาวุธปืนในทุกพื้นที่อยู่แล้ว
...
ผสข.สมจิตร์ พูลสุข