การประชุมคณะรัฐมนตรี วันนี้จะหารือมาตรการรับซื้อยางพารา เพื่อแก้ปัญหาราคาตกต่ำตามที่กลุ่มเกษตรกรชาวสวนเรียกร้อง ซึ่งก่อนหน้านี้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ต้องช่วยกันใช้ผลิตผลจากยางพารา เพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนทั้งระบบอย่างแท้จริง เพราะการใช้งบประมาณจำนวนมากเข้าไปแก้ปัญหาให้เกษตรกรเป็นเพียงการแก้ไขปัญหาที่ปลายเหตุ ทำให้เกิดความไม่สมดุล บิดเบือนตลาด
นายธีระชัย แสนแก้ว นายกสมาคมชาวสวนยางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กล่าวว่า ในวันที่ 13 มกราคมนี้ สมาคมชาวสวนยางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จะร่วมประชุมกับชาวสวนยางทั่วประเทศทั้งเหนือ กลาง อีสาน และใต้ รวม 8 องค์กร ที่กรุงเทพ เพื่อหาทางแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น และเตรียมยื่นข้อเสนอต่อนายกรัฐมนตรี โดยต้องการให้ประกันราคายางดิบที่กิโลกรัมละ 50 บาท
นอกจากนี้ยังมีปัญหาภัยแล้ง ซึ่งนายกรัฐมนตรีให้จัดทำแผนที่น้ำฉบับใหม่ให้สมบูรณ์ขึ้น สร้างการรับรู้ให้มากขึ้น และขอความร่วมมือทั้งเกษตรกร ภาคอุตสาหกรรม และประชาชนทั่วไป ใช้น้ำอย่างประหยัด ซึ่งนายกรัฐมนตรีกล่าวว่าเข้าใจดีว่าไม่สามารถที่จะไปสั่งได้ แต่อยู่ที่จิตสำนึกของทุกคน เมื่อปริมาณน้ำต้นทุนมีน้อยกว่าทุกปี และภาคการเกษตรก็ยังมีความจำเป็นที่จะต้องใช้น้ำ
นายชูชาติ กีฬาแปง ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก ประกาศให้พื้นที่ 3 อำเภอ คือ อ.วังทอง อ.เนินมะปราง และ อ.พรหมพิราม เป็นพื้นที่ประสบภัยแล้ง
จากข้อเสนอตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาเสริมสร้างสังคมสันติสุข พล.อ.อกนิษฐ์ หมื่นสวัสดิ์ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) กล่าวว่าป็นการเปิดเวทีให้ผู้เห็นต่างได้แสดงความเห็นเพื่อยุติปัญหา โดยกรรมาธิการมี 24 คน ประกอบด้วย สนช.14 คน , กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) กลุ่มมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย (กปปส.) กลุ่มพุทธอิสระ รวม 3 คน , กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) 3 คน นักวิชาการ 3 คนและภาคธุรกิจ 1 คน โดยกรรมาธิการจะเสนอต่อที่ประชุมวิป สนช.ในวันนี้ เพื่อบรรจุเข้าสู่วาระการประชุมใหญ่ของ สนช.และหากที่ประชุมใหญ่เห็นชอบก็เริ่มทำงานได้ทันที
ส่วนการประชุมของคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ หรือ กรธ.ที่มีนายมีชัย ฤชุพันธุ์ เป็นประธาน มีการประชุมเพื่อพิจารณาบทบัญญัติร่างรัฐธรรมนูญรายมาตรา เริ่มตั้งแต่หมวดที่ 1 บททั่วไปของรัฐธรรมนูญ เรียงไปตามมาตรา นอกจากนี้ ยังพิจารณาเกี่ยวกับสิทธิและเสรีภาพของปวงชนชาวไทย เกี่ยวกับเสรีภาพในการแสดงความเห็นทางวิชาการ เว้นแต่มีกฎหมายบัญญัติห้ามไว้ ที่จะกระทบต่อความมั่นคงเพื่อป้องกันความแตกแยกในสังคม ส่วนมาตรา 32 เกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่จะเผยแพร่ข้อความหรือภาพไม่ว่าด้วยวิธีการใดไปยังสาธารณชน จะเป็นการกระทบสิทธิส่วนบุคคลซึ่งละเมิดมิได้ เว้นแต่กรณีประโยชน์สาธารณะตามที่กฎหมายบัญญัติ ที่มีเจตนารมณ์ในเรื่องการเผยแพร่ข้อมูลส่วนตัวที่กระทำโดยรัฐต่อเอกชน ขณะเดียวกัน ยังบัญญัติเกี่ยวกับสิทธิและเสรีภาพที่น่าสนใจหลายเรื่อง อาทิ บุคคลย่อมมีสิทธิเสรีภาพในชีวิตและร่างกาย เว้นแต่กฎหมายบัญญัติลงโทษ ซึ่งต้องไม่เป็นการทารุณหรือไร้มนุษยธรรม ในมาตรา 28 , หลักเสรีภาพในการนับถือศาสนา ที่ต้องไม่เป็นปฏิปักษ์ กระทบต่อความมั่งคงของรัฐ ตามมาตรา 3
ตามที่ที่ประชุมวาระพิเศษของมหาเถระสมาคมเมื่อวันที่ 5 มกราคม มีมติเอกฉันท์ เสนอรายชื่อสมเด็จพระราชาคณะที่มีคุณสมบัติเหมาะสมตาม พ.ร.บ.สงฆ์ฯ เพียงรูปเดียว ถึงมือนายกรัฐมนตรีเพื่อนำขึ้นทูลเกล้าฯ สถาปนาเป็นสมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ 20 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ โดยสมเด็จพระราชาคณะที่มีอาวุโสสูงสุดโดยสมณศักดิ์คือ สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง วรปุญฺโญ) วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ อย่างไรก็ตาม นายประดับ โพธิกาญจนวัตร รองโฆษกสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) กล่าวว่า พศ. ยังไม่ได้รับผลการประชุมมาแต่อย่างใด และเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับการบริหารปกครองของทางคณะสงฆ์ ส่วนการประชุมเมื่อวานนี้ มีการมอบพระบัญชาแต่งตั้งสมเด็จพระวันรัต เป็นเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหารและเจ้าคณะใหญ่คณะธรรมยุต ในการนี้ สมเด็จพระวันรัต ได้ขอลาออกจากตำแหน่งแม่กองธรรมสนามหลวง มส.จึงมีมติแต่งตั้ง พระพรหมมุนี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม รองแม่กองธรรมสนามหลวง เป็นแม่กองธรรมสนามหลวงแทน
สำหรับการเสนอนามสมเด็จพระราชาคณะ สถาปนาเป็นสมเด็จพระสังฆราชนั้น คณะสงฆ์ได้ยึด พ.ร.บ. คณะสงฆ์ฯ หมวดสมเด็จพระสังฆราช ในมาตรา 7 กำหนดไว้ว่าพระมหากษัตริย์ทรงสถาปนาสมเด็จพระสังฆราชองค์หนึ่งในกรณีที่ตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราชว่างลง ให้นายกรัฐมนตรีโดยความเห็นชอบของ มส.เสนอนามสมเด็จพระราชาคณะผู้มีอาวุโสสูงสุดโดยสมณศักดิ์ขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อทรงสถาปนาสมเด็จพระสังฆราช ในกรณีที่สมเด็จพระราชาคณะผู้มีอาวุโสสูงสุดโดยสมณศักดิ์ไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้นายกฯ โดยความเห็นชอบของ มส.เสนอนามสมเด็จพระราชาคณะรูปอื่นผู้มีอาวุโสสูงสุดโดยสมณศักดิ์ตามลำดับและสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อสถาปนาเป็นสมเด็จพระสังฆราช
ส่วนการประชุมคณะกรรมการ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ในวันพรุ่งนี้ พล.อ.ยอดยุทธ บุญญาธิการ ประธานบอร์ด เปิดเผยว่า จะนำเสนอผลการปรับรายละเอียดโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม (ตะวันออก) ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย-มีนบุรี ระยะทาง 21.2 กิโลเมตร วงเงินเฉพาะค่าก่อสร้างงานโยธา 95,108 ล้านบาท ตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ นายกรัฐมนตรี ต้องการให้ใช้วัสดุอุปกรณ์ที่ผลิตในไทยให้มากสุด รวมถึงการปรับราคากลางให้เป็นปัจจุบัน ซึ่งทำให้มูลค่าโครงการลดลงอีกกว่า 1,000 ล้านบาท หลังจากการพิจารณาในบอร์ด รฟม. แล้ว จะนำส่งไปยังกระทรวงคมนาคม เพื่อรายงานให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบภายในเดือนนี้ จากนั้น รฟม.จะใช้เวลาอีกไม่เกิน 3 เดือน ก็จะสามารถเปิดขายเอกสารประกวดราคาได้
*-*