*ททท.พาชมสะพานมิตรภาพไทย-ลาว เสริมบุญไหว้พระประจำวันเกิด ปิดท้ายเยือนบ้านลุงโฮ จ.นครพนม*

การเดินทางเยือนจังหวัดนครพนม วันที่ 2ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้พามาที่สะพานมิตรภาพ 3 (นครพนม-คำม่วน) โดยสะพานมิตรภาพ 3 เป็นสะพานที่เชื่อมต่อระหว่างประเทศไทย ประเทศลาว และประเทศจีนตอนใต้ ใช้งบประมาณในการก่อสร้าง 1,723 ล้านบาท โดยสะพานแห่งนี้มีความยาวรวม 1,423 เมตร ความกว้างสะพาน 13 เมตร และมีการช่องจราจร 2 ช่อง เป็นเส้นทางการขนส่งสินค้า การท่องเที่ยวที่สำคัญของอาเซียน โดยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินเป็นองค์ประธาน ในพิธีวางศิลาฤกษ์สะพานมิตรภาพไทย - ลาว แห่งที่ 3 (นครพนม - คำม่วน) วันศุกร์ที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2552 ที่มณฑลพิธี บ้านห้อม ตำบลอาจสามารถ อำเภอเมืองนครพนม จังหวัดนครพนม และเสด็จฯทรงเป็นประธานพิธีเปิดอย่างเป็นทางการร่วมกับนายบุนยัง วอละจิด รองประธานประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ในวันที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 เวลา 11.11 น.

จากนั้นก็เดินทางมาที่วัดพระธาตุท่าอุเทน ตั้งอยู่ในอำเภอท่าอุเทน จังหวัดนครพนม ซึ่งภายในบรรจุพระธาตุของพระอรหันต์ ซึ่งพระอาจารย์ศรีทัตถ์ได้อัญเชิญมาจากเมืองย่างกุ้ง เมียนมา องค์พระธาตุก่ออิฐถือปูนเป็นผังรูปสี่เหลี่ยมคล้ายพระธาตุพนม สร้างเป็น 3 ชั้น ชั้นแรกเป็นอุโมงค์บรรจุของมีค่าต่าง ๆ ชั้นที่ 2 สร้างครอบอุโมงค์ ชั้นที่ 3 คือเจดีย์องค์ใหญ่ สูงประมาณ 15 เมตร พระอาจารย์ศรีทัตถ์เป็นผู้สร้างเมื่อปี พ.ศ. 2454 โดยพระธาตุองค์นี้มีสิ่งที่ตรงกับเทพประจำวันศุกร์ ผู้ที่ไปนมัสการพระธาตุแห่งนี้จะได้รับอานิสงส์ให้ชีวิตมีความรุ่งโรจน์ เปรียบเสมือนพระอาทิตย์ขึ้นยามรุ่งอรุณ

ในช่วงบ่าย เราก็ไปกันต่อที่วัดมหาธาตุและพระธาตุนคร ตั้งอยู่ อำเภอเมือง จังหวัดนครพนม ภายในบรรจุพระธาตุนคร พระธาตุประจำวันเสาร์ ในอดีตชาวบ้านจะเรียกวัดนี้ว่าวัดมิ่งเมือง เนื่องจากตามประวัติในวันแรกที่พระยามหาอำมาตย์ (ป้อม) สร้างเมืองนครพนมขึ้นนั้นมีเพียง วัดมหาธาตุ วัดเดียวเท่านั้น ผู้เฒ่าผู้แก่ได้บอกกันมาเป็นทอดๆ ว่า ที่วัดนี้มีพระอรหันต์สารีริกธาตุบรรจุอยู่

ในปีพ.ศ. 2462 พระครูพนมคณาจารย์เจ้าอาวาสวัดมหาธาตุและเจ้าคณะจังหวัดนครพนมได้เชิญผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม จะรื้อถอนธาตุเจดีย์เก่าแก่คร่ำคร่าไม่เป็นระเบียบอยู่ในวัด แล้วสร้างพระธาตุนครขึ้นมาใหม่ ในการก่อสร้างประธาตุเจดีย์นี้ในส่วนที่เป็นลวดลายอันวิจิตรบรรจงตระการตาตลอดจนถึงทรวดทรงขนาดและสัดส่วนนั้นเป็นฝีมือของท่าวบุบ้านหว้านใหญ่อำเภอมุกดาหารและท่าวม้าวบ้านเสาเล้าอำเภอท่าอุเทน ก่อสร้างเสร็จสิ้นลงในวันเดือนเพ็ญของปี พ.ศ. 2465

ตามความเชื่อผู้ที่ไปนมัสการพระธาตุแห่งนี้ จะได้รับอานิสงส์เสริมบุญบารมี และมีอำนาจวาสนาเป็นเจ้าคนนายคน

และสถานที่สุดท้ายสำหรับวันนี้ คือ บ้านลุงโฮหรือที่มีอีกชื่อเรียกหนึ่งว่าบ้านท่านโฮจิมินห์ ซึ่งเป็นสถานที่สำคัญในประวัติศาสตร์ ช่วงระหว่างปี พ.ศ. 2467–2474 ท่านโฮจิมินห์ อดีตประธานาธิบดีสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ได้เคยเข้ามาอาศัยพึ่งพระบรมโพธิสมภารพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แห่งราชอาณาจักรไทย เพื่อกอบกู้เอกราชของเวียดนามในช่วงระหว่างการทำสงคราม ซึ่งท่านโฮจิมินห์ก็ได้เดินทางและเปลี่ยนสถานที่เรื่อยมา เพื่อเป็นการซ่อนตัวและไม่ให้มีใครจำได้ บริเวณภายในบ้านจะมีต้นไม้นานาชนิดที่ท่านโฮจิมินห์ได้ปลูกไว้ ได้แก่ ต้นมะพร้าว หมาก พลู กล้วย และชา ซึ่งมีบรรยากาศอันร่มรื่น รวมไปถึงเครื่องมือเครื่องใช้ของลุงโฮ อาทิเช่นโต๊ะทำงาน และเครื่องตำข้าวที่ลุงโฮใช้ในการตำข้าว 

สำหรับใครที่ชอบเดินทางเที่ยวตามรอยประวัติศาสตร์ ต้องขอบอกเลยว่าจ้งหวัดนครพนม เป็นจังหวัดที่น่าสนใจไม่แพ้จังหวัดอื่นๆ เลย
ผู้สื่อข่าว:สมจิตร์ พูลสุข