ตำรวจปราบจลาจลเยอรมนี ต้องใช้น้ำดับเพลิงสลายกลุ่มผู้ประท้วงที่เมืองโคโลญจน์ ซึ่งกลุ่มอนุรักษ์นิยมเพจิดาเรียกระดมผู้สนับสนุนการต่อต้านกลุ่มผู้อพยพลี้ภัย สืบเนื่องมาจากเหตุละเมิด และปล้นที่เกิดขึ้นในคืนขึ้นปีใหม่ ซึ่งยังทำให้นายกรัฐมนตรีอันเกลาร์ แมร์เกิ้ล ผู้นำเยอรมนีถูกตำหนิอย่างรุนแรงเนื่องจากเป็นผู้นำนโยบายการให้ความช่วยเหลือผู้อพยพลี้ภัย เช่นเดียวกับตำรวจที่ถูกตำหนิว่าทำงานล่าช้า และไม่ได้ให้ความช่วยเหลือผู้เสียหายในทันที อย่างไรก็ตามนายกรัฐมนตรี เห็นชอบให้มีการแก้ไขระเบียบการทำงาน เพื่อให้สามารถผลักดันกลับผู้ลี้ภัยที่กระทำผิดกฎหมายในคดีอาญาได้รวดเร็วกว่าเดิม ทั้งให้ครอบคลุมไปถึงผู้ที่ติดทัณฑ์บนก็จะถูกส่งตัวกลับเช่นกัน จากเดิมที่กฎหมายเยอรมนี ระบุให้ผลักดันกลับผู้อพยพลี้ภัยที่ถูกศาลตัดสินจำคุกนานกว่า 3 ปี และการกลับไปบ้านเกิดจะต้องไม่มีความเสี่ยงที่เป็นอันตรายต่อชีวิต
สำหรับการชุมนุมที่เมืองโคโลญจน์ เกิดเหตุรุนแรงขึ้นเมื่อผู้ชุมนุมส่วนหนึ่งขว้างปาดอกไม้ไฟ และขวดน้ำ เข้าใส่เจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่จึงต้องใช้น้ำดับเพลิง และมีผู้ชุมนุมที่ถูกจับกุมไปหลายคน นอกจากนี้ยังมีกลุ่มรณรงค์ที่สนับสนุนนโยบายเรื่องผู้อพยพลี้ภัย กับกลุ่มสตรีที่มีแนวคิดอนุรักษ์นิยมที่จัดการชุมนุมในอีกพื้นที่หนึ่งของเมืองเดียวกัน
ด้านสถานีตำรวจเมืองโคโลญจน์เปิดเผยผลการสอบปากคำผู้เสียหายที่เข้าแจ้งความซึ่งมีจำนวนเพิ่มขึ้นเป็น 379 คนแล้วนั้น ร้อยละ 40 คือการลวนลาม อนาจาร และการละเมิดทางเพศ ผู้ต้องสงสัยคือกลุ่มชายที่มีรูปร่างลักษณะเหมือนชาวแอฟริกัน ซึ่งก็คือผู้ลี้ภัยส่วนใหญ่ที่เดินทางเข้ามาในเยอรมนีโดยถูกต้องตามกฎหมาย นอกจากนี้ยังมีผู้เสียหายที่เข้าแจ้งความที่สถานีตำรวจเมืองฮัมบร์วก และ สตุ๊ดการ์ดในคดีลักษณะเดียวกันด้วย
..