*ฝนหลงฤดูหนาว/ชุมนุมคดีเกาะเต่าหน้าสถานทูตไทยในพม่ายุติแล้ว/วันเด็กทำเนียบฯ

08 มกราคม 2559, 08:23น.


ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 08.30 น.



+++ฟ้าครึ้มๆ วันนี้  กรมอุตุนิยมวิทยาเผยภาคเหนือ ภาคอีสาน และภาคกลางตอนบน ยังคงมีอากาศหนาวเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า ส่วนบริเวณภาคกลางตอนล่าง ภาคตะวันออก และภาคใต้ จะมีฝนเกิดขึ้นได้บางแห่งขอให้ประชาชนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากอากาศที่เปลี่ยนแปลง และเพิ่มความระมัดระวังในการสัญจรผ่านบริเวณที่มีหมอกไว้ด้วย วันที่ 9-10 มกราคม 2559 กระแสลมฝ่ายตะวันตกในระดับสูงจะพัดผ่านภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ทำให้บริเวณดังกล่าวจะมีอากาศหนาวเย็นลงในระยะนี้ กรุงเทพฯ และปริมณฑลมีเมฆบางส่วนกับมีหมอกในตอนเช้า และมีฝนบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 22-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม.



++++รับมือภัยแล้ง นายกฤษฎา บุญราช ปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้ใกล้เข้าสู่ช่วงฤดูร้อน โดยจากการประเมินสถานการณ์ภัยแล้งในปีนี้คาดว่ามีแนวโน้มจะเกิดขึ้นเร็ว มีห้วงเวลาที่ยาวนาน และมีสถานการณ์ที่รุนแรงกว่าทุกปี เพื่อเป็นการรักษาความสงบเรียบร้อยของประชาชน และป้องกันไม่ให้เกิดความวุ่นวาย จึงได้กำชับให้ทุกจังหวัดเน้นย้ำไปยังเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่จัดเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ สำรวจจุดเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาแย่งชิงน้ำ และให้เฝ้าระวังในพื้นที่ พร้อมทั้งชี้แจงกับประชาชนให้เข้าใจถึงสถานการณ์น้ำในปัจจุบัน และให้ความร่วมมือกับทางราชการในการดำเนินการตามแผนบริหารจัดการน้ำ  ส่วนมาตรการป้องกันแก้ไขปัญหา และการให้ความช่วยเหลือประชาชนด้านต่างๆ  และให้เร่งทำการเจรจาหาข้อสรุประหว่างชาวบ้านเหนือน้ำ - ท้ายน้ำ ในพื้นที่เสี่ยงให้มีข้อตกลงแบ่งปันน้ำใช้ไว้ล่วงหน้า ให้ทุกฝ่ายได้ใช้น้ำร่วมกันอย่างเป็นธรรม และระมัดระวังอย่าให้เกิดปัญหาแย่งชิงน้ำเกิดขึ้นในพื้นที่โดยเด็ดขาด เมื่อเกิดหรือคาดว่าจะเกิดภัยแล้งอันเป็นสาธารณภัยเกิดขึ้นในพื้นที่ใด จนอาจนำไปสู่ความขัดแย้ง การแย่งชิงน้ำของประชาชน ให้จังหวัด อำเภอ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ใช้อำนาจตาม พ.ร.บ. ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ.2550 ดำเนินการแก้ไขปัญหาและช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนโดยเร็ว



+++วันเด็กปีนี้ นพ.กำจร ตติยกวี ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยว่า เนื่องในโอกาสวันเด็กแห่งชาติปี 2559 สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณพระราชทานจักรยานแก่นักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาและมัธยมศึกษาที่ยากจนและด้อยโอกาส มีความจำเป็นที่ต้องใช้จักรยานเป็นพาหนะเดินทางไปเรียนหนังสือเนื่องจากบ้านอยู่ไกลจากโรงเรียน จำนวน 9,900 คัน โดยทางสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) ได้ดำเนินการคัดเลือกนักเรียนที่มีคุณสมบัติตามที่กำหนด โดยในวันนี้ (8 ม.ค.) พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ จะเป็นตัวแทนรับมอบจักรยานพระราชทานเพื่อนำไปจัดพิธีมอบจักรยานพระราชทานในแต่ละจังหวัดต่อไป



+++ส่วนที่ทำเนียบรัฐบาลตลอดทั้งวานนี้ มีหน่วยงานต่างๆ ทยอยเข้ามาจัดบูธ ตั้งเต็นท์ ตั้งเวที เพื่อเตรียมจัดแสดงกิจกรรมวันเด็กแห่งชาติ และที่ฮือฮาคือมีการนำรูปปั้นไดโนเสาร์พันธุ์ต่างๆ มาร่วมจัดแสดงบริเวณสนามหญ้าสวนหย่อมด้านหน้าตึกสันติไมตรี โดยรูปปั้นดังกล่าวได้รับการสนับสนุนจากอุทยานไดโนเสาร์โลก ภูกุ้มข้าว พิพิธภัณฑ์สิรินธร จ.กาฬสินธุ์ และพิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ภูเวียง จ.ขอนแก่นเมื่อรูปปั้นไดโนเสาร์มาถึงปรากฏว่าได้รับความสนใจจากผู้ปกครองและเด็กและเยาวชนดีเด่นที่เสร็จสิ้นภารกิจเข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ตึกสันติไมตรี ก็ได้พากันถ่ายรูปกับรูปปั้นไดโนเสาร์กันอย่างคึกคัก ส่วนคำขวัญวันเด็กปีนี้ "เด็กดี หมั่นเพียร เรียนรู้ สู่อนาคต"



+++การชุมนุมคดีเกาะเต่าในพม่า ยุติแล้ว นายเสข วรรณเมธี โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่า สถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มผู้ประท้วงชาวเมียนมาที่แสดงความไม่เห็นด้วยต่อคดีเกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานีที่เกิดขึ้นบริเวณหน้าสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงย่างกุ้ง และตามเมืองต่างๆ ทั่วประเทศเมียนมาได้สงบลงแล้ว ทั้งนี้ นายพิษณุ สุวรรณะชฎ เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงย่างกุ้ง ได้เดินทางเข้าพบนายวันนะ หม่อง ลวิน รัฐมนตรีต่างประเทศเมียนมา เพื่อพูดคุยทำความเข้าใจในเรื่องดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง แต่แผนกกงสุลยังปิดให้บริการวีซ่า ระหว่างวันที่ 5 – 8 มกราคม 2559 ขณะเดียวกันทางสถานทูตฯ ยังคงเฝ้าติดตามความเคลื่อนไหวและรายงานมายังกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อประเมินสถานการณ์ข้างหน้า



++++ประเด็นร้อน ของกทม.   พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าววว่า ขณะนี้  อยู่ระหว่างการตรวจสอบ ดังนั้นการเสนอให้ใช้อำนาจมาตรา 44 เร่งรัดให้ตรวจสอบการใช้งบประมาณโครงการประดับไฟตกแต่งที่ลานคนเมือง 5 ล้านดวง มูลค่า 39.5 ล้านบาทของกรุงเทพมหานคร(กทม.)ว่า อยู่ระหว่างการตรวจสอบยังทำไม่ได้   อย่าทำให้เป็นประเด็นการเมือง การเมืองมันแอบอยู่ข้างหลังอยู่ ก็สอบต่อไป



++++ กกต.เตรียมการประชามติ โดยกำหนดเส้นทางสู่ประชามติ  ตั้งแต่มี.ค.-ก.ค. เริ่มจากโรดแม็ปของกรธ. ที่จะเผยแพร่ร่างรัฐธรรมนูญฉบับแรกในวันที่ 29 ม.ค. จากนั้นจะรับฟังความคิดเห็นของประชาชนเพื่อปรับปรุงร่างรัฐธรรมนูญ คาดว่าร่างรัฐธรรมนูญจะเสร็จสมบูรณ์วันที่ 29 มี.ค. ก่อนส่งให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันที่ 30 มี.ค. เพื่อพิจารณา ซึ่งคาดว่าครม.จะส่งมาให้กกต.ภายใน 1-2 สัปดาห์แรกของเดือนเม.ย.คาดว่าภายในวันที่ 8 เม.ย. จะเริ่มพิมพ์ร่างรัฐธรรมนูญ และเอกสารสรุปสาระสำคัญของร่างรัฐธรรมนูญตามที่กรธ.สรุปส่งมา ซึ่งการจัดพิมพ์จะทำควบคู่กับการจัดส่งร่างไปยังครัวเรือนของผู้มีสิทธิออกเสียง น่าจะเริ่มจัดส่งได้ตั้งแต่วันที่ 27 เม.ย.เป็นต้นไป และรัฐธรรมนูญชั่วคราวกำหนดว่าต้องจัดส่งให้ครัวเรือนไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 จึงจะประกาศวันออกเสียงประชามติได้ จึงเชื่อว่าจะส่งเสร็จภายในวันที่ 20 มิ.ย. รวมเวลาการพิมพ์และจัดส่ง 45 วัน  เบื้องต้นกำหนดวันออกเสียงประชามติเป็นวันที่ 31 ก.ค. แต่



+++ความคืบหน้าการทำสัญญาซื้อขายข้าวเกรด C ของกระทรวงพาณิชย์ว่าจะทำอย่างไรกับ 2 บริษัทที่ชนะการประมูลไป 37,412 ตัน ที่ส่อเค้าว่าจะทำสัญญาไม่ได้และไม่สามารถขนย้ายออกไปตามกำหนด นางสาวชุติมา บุณยประภัศร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงกรณีวันพรุ่งนี้ (8 ม.ค.) จะครบกำหนดการทำสัญญาซื้อขายข้าวเกรดซีเข้าสู่ภาคอุตสาหกรรมของบริษัท สินไชยศรี ที่ชนะประมูลข้าวเสื่อมคุณภาพจำนวน 16,000 ตัน ว่า ขณะนี้บริษัทดังกล่าวอยู่ระหว่างพูดคุยรายละเอียดกับทางองค์การคลังสินค้า (อคส.) และยังไม่ได้รับรายงาน แต่หากบริษัทฯ ไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงจะต้องเสียค่าปรับร้อยละ 0.2 ของมูลค่าสินค้าที่ประมูลได้ และยังถูกริบเงินประกันที่วางก่อนประมูลร้อยละ 5 และยังถูกขึ้นบัญชีดำ และถูกดำเนินคดีทางแพ่งและอาญา เนื่องจากก่อนการประมูลได้มีการทำความเข้าใจกับบริษัททั้งก่อนประมูลและหลังได้ผู้ชนะการประมูลทุกขั้นตอนอย่างเต็มที่แล้ว หลังจากนั้นจะนำข้าวที่ไม่สามารถทำสัญญาซื้อขายได้ครั้งนี้มาเข้าสู่กระบวนการประมูลรอบใหม่ช่วงปลายเดือนมกราคมนี้  กระทรวงพาณิชย์ โดย อคส.ได้ทดสอบระบบขนย้ายข้าวเสื่อมที่นำออกมาประมูล 37,000 ตันบ้างแล้ว ซึ่งทุกขั้นตอนมีความรัดกุมและโปร่งใส โดยยืนยันว่าจะไม่มีการนำข้าวส่วนนี้วนกลับเข้ามาในระบบการจำหน่ายข้าวคุณภาพดีอย่างแน่นอน มั่นใจว่าภาครัฐจะได้รับประโยชน์สูงสุด และจะช่วยลดค่าใช้จ่ายจากการเช่าคลังเก็บข้าวจำนวนมาก ส่วนข้าวเกรดซีที่จะนำมาประมูลเข้าสู่ภาคอุตสาหกรรมรอบถัดไป ตรวจสอบแล้วพบว่าไม่มีสารตกค้างที่เป็นอันตราย ซึ่งกรมการค้าต่างประเทศอยู่ระหว่างประเมินตัวเลขปริมาณทั้งหมดก่อนประกาศเปิดประมูลรอบใหม่



+++ ส่วนปัญหาความวุ่นวายทางการเมืองในประเทศอิหร่านจนมีข่าวว่าไทยจะไม่ทำตลาดข้าวประเทศนี้แล้วนั้น ขอยืนยันขณะนี้แผนการขายข้าวให้อิหร่าน 1 ล้านตันยังคงดำเนินไปตามปกติ ไม่มีการยกเลิกตามที่เป็นกระแสข่าว โดยการเยือนอิหร่านอย่างเป็นทางการของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์เร็ว ๆ นี้จะมีการหารือเรื่องปริมาณข้าวที่ไทยจะขายให้อิหร่าน โดยปัจจุบันอิหร่านนำเข้าข้าวจากหลายประเทศรวมปีละ 1-2 ล้านตัน



+++วันนี้ กรมราชทัณฑ์ จะพาสื่อ ไปชมเรือนจำโครงสร้างเบา  ที่จ.ปราจีนบุรี  นายวิทยา สุริยะวงค์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ อธิบายแนวคิดเรือนจำแห่งนี้อย่างน่าสนใจว่า กรมราชทัณฑ์ต้องการสร้างเรือนจำโครงสร้างเบา 17 แห่ง เพื่อรองรับระบบเตรียมความพร้อมก่อนปล่อย ต้องขอ งบกลางจากรัฐบาลประมาณ 1,400 ล้านบาท ก่อสร้างให้แล้วเสร็จภายใน 1 ปี ดังนั้น รูปแบบหรือวัสดุที่นำมาใช้นั้นทางฝ่ายวิศวกรของกรมราชทัณฑ์คิดว่า หากเป็นงานก่อสร้างเร็วๆ หรือแบบน็อกดาวน์ "คอนเทนเนอร์"น่าจะเอามาใช้ได้หรือไม่ เหมาะสมกับอุณหภูมิประเทศไทยหรือไม่ เวลาอยู่แล้วร้อนหรือไม่ เพราะติดเครื่องปรับอากาศ ก็คงไม่เหมาะสม สัดส่วนของเรือนจำโครงสร้างเบา นายวิทยากล่าวว่า จะแบ่งพื้นที่ออกเป็น 4 ส่วน ประกอบด้วย อาคารเรือนนอนผู้ต้องขัง 2 ชั้น จำนวน 3 หลัง สำหรับรองรับผู้ต้องขัง 500 คน เป็นโครงสร้างตู้คอนเทนเนอร์ อาคารสูทกรรม และอาคารที่ทำการขนาดเล็ก 2 ชั้น โดยใช้แบบมาตรฐานของกรมราชทัณฑ์ ในบริเวณเรือนจำโครงสร้างเบายังจัดให้มีบริเวณอาบน้ำและห้องสุขา และจัดให้มีบ้านพักสำหรับเจ้าหน้าที่ในระหว่างการฝึก หรือกรณีที่มีการให้เจ้าหน้าที่จากต่างพื้นที่มาปฏิบัติหน้าที่ ตั้งอยู่ภายนอกเรือนจำโครงสร้างเบา  ใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 3-6 เดือน งบประมาณก่อสร้างประมาณ 1,000 ล้านบาท จำนวน 17 แห่ง กระจายอยู่ใน 4 ภาค คือ เหนือ ตะวันออก ตะวันออกเฉียงเหนือ และใต้



+++ความคืบหน้าคดียกเค้าบ้านน้าชาย น.ส.จิตภัสร์ กฤดากร หรือตั๊น อดีตแกนนำ กปปส. ที่ได้เข้าแจ้งความกับตำรวจว่า มีทรัพย์สินในบ้านสูญหายไปหลายรายการรวมมูลค่ากว่า 15 ล้านบาทตั้น ร.ต.ท.อภินันท์ สุนันทะ พนักงานสอบสวนเจ้าของคดี พร้อมฝ่ายสืบสวน สน.หัวหมาก ตรวจสอบที่เกิดเหตุพบว่า เป็นคฤหาสน์หรูเลขที่ 91, 171 , 173 ปลูกติดกัน 3 หลัง มีรั้วรอบขอบชิด มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหมุนเวียนผลัดเปลี่ยนดูแลอย่างแน่นหนา หลังเกิดเหตุเป็นบ้านเลขที่ 173 เป็นบ้านของ ม.ล.ชโยทิต  กฤดากร ซึ่งเพิ่งเดินทางกลับจากต่างประเทศ หลังทราบว่าห้องนอนถูกรื้อค้นและทรัพย์สินสูญหายไป อาทิ นาฬิกายี่ห้อดัง เช่น ยี่ห้อปาเต๊ะ เครื่องเพชร เครื่องประดับอีกหลายรายการมูลค่ารวมกว่า 15 ล้านบาท ซึ่งเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานได้เก็บวัตถุพยานไปเรียบร้อยแล้ว และจากการตรวจสอบโรงรับจำนำบริเวณใกล้เคียงพบนาฬิกาเรือนหนึ่งคาดว่าเป็นเรือนเดียวกับที่หายไปอยู่ที่โรงรับจำนำย่านหัวหมาก อยู่ระหว่างตรวจสอบเพื่อยืนยันแน่ชัด โดยเจ้าหน้าที่กำลังเร่งติดตามตัวผู้ที่นำนาฬิกาเรือนดังกล่าวมาจำนำ พร้อมเร่งติดตามตัวนายยุทธ และนางแขก ไม่ทราบนามสกุล สามีภรรยา ซึ่งเป็นคนรับใช้เก่าภายในบ้านและได้ลาออกไปตั้งแต่เดือนตุลาคมปีที่แล้ว มาสอบปากคำ

ข่าวทั้งหมด

X