การดำเนินคดีตามพ.ร.บ.จราจรทางบก เพื่อตรวจจับผู้ที่เมาแล้วขับ รวมถึงผู้ที่กระทำความผิดกฎจราจร ช่วง 7วันอันตราย ช่วงเทศกาลปีใหม่ 2559 ภายใต้โครงการรณรงค์ ดื่มแล้วขับ ขับขี่โดยประมาท ถูกจับคุมประพฤติ พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมคุมประพฤติ กล่าวว่า การเดินทางในช่วงเทศกาลต่างๆ รวมถึงเทศกาลปีใหม่จะมีผู้ที่เดินทางออกต่างจังหวัดเป็นจำนวนมาก ซึ่งแต่ละเทศกาลมีการสูญเสียชีวิตปีละกว่า 300ศพ ทำให้ทางกระทรวงยุติธรรม และกรมคุมประพฤติ จึงต้องลงมารณรงค์เพื่อลดการสูญเสีย จากผู้ที่ดื่มแล้วขับซึ่งได้เริ่มรณรงค์ตั้งแต่วันที่ 25ธ.ค.2558
สำหรับสถิติการดำเนินคดีผู้ที่กระทำความผิด กฎจราจร รวมถึงเมาแล้วขับช่วง 7วันอันตราย ตั้งแต่วันที่ 29ธ.ค.2558-4ม.ค.2559 มีคดีที่ศาลสั่งคุมประพฤติตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก ของสำนักงานคุมประพฤติทั่วประเทศ รวม 3,737 คดี โดยแยกเป็นเป็นคดีเมาแล้วขับ 3,471คดี ,ขับขี่ซิ่ง หรือเสพสารเสพติดขนาดขับขี่ 266คดี ,ขับขี่ประมาท 44คดี ,โดยในส่วนคดีเมาแล้วขับปี 59นี้ ถือว่าลดลงจากปีที่แล้วที่มี 4,059 คดี ซึ่งถือว่าลดลงร้อยละ 14.48
ส่วนสถิติการเกิดอุบัติเหตุสูงสุดในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2559นี้ เกิดขึ้นที่จังหวัดเชียงใหม่มากที่สุด ซึ่งสาเหตุมาจากเมาแล้วขับ โดยเฉพาะรถจักยานยนต์ รองลงมารถยนต์ ซึ่งในช่วงเทศกาลสงกรานต์กรมจะยังคงใช้มาตรการที่เข้มงวดเช่นเดิมอีก
ส่วนจังหวัดที่พบการดำเนินคดีเมาแล้วขับมากที่สุด 5อันดับ คือ จังหวัดนครพนม 221คดี กรุงเทพมหานคร (กทม.)212 ,จังหวัดปทุมธานี 205คดี,จังหวัดมหาสารคาม 176 คดี,จังหวัดชลบุรี 142 คดี
ส่วนโทษผู้ที่เมาแล้วขับ อธิบดีกรมคุมประพฤติ เปิดเผยว่า จากเดิมศาลมีคำสั่งคุมความประพฤติ 1-2ปี โดยต้องมารายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติ 3-4ครั้ง และเข้าอบรมตามโปรแกรมต่างๆ เช่น เป็นอาสาสมัครจราจร ,บริจาคโลหิต ,เป็นอาสากู้ภัย ,ดูแลช่วยเหลือผู้ป่วย หรือผู้พิการจากการได้รับอุบัติเหตุที่มาจากสาเหตุเมาแล้วขับตามโรงพยาบาล
แต่ที่ผ่านมามีผู้ที่ถูกคุมประพฤติ และไม่มาการมารายงานตัวจำนวนหนึ่ง ซึ่งเดิมกรมคุมประพฤติ จะประสานกับหน่วยงานรัฐ ในการชะลอ ระงับการให้บริการจากรัฐ แก่กลุ่มนี้ เช่น งดต่อใบขับขี่ งดให้สิทธิจากบริการของรัฐ แต่ในขณะนี้ทางกรมฯ กำลังเสนอกฎระเบียบใหม่ว่า ถ้าผู้ที่อยู่ระหว่างถูกคุมความประพฤติไปก่อเหตุซ้ำ จะให้ถูกลงโทษคุมขังโดยทันที ซึ่งขั้นตอนของกฎหมายดังกล่าวขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของสำนักงานกฤษฎีกา กำลังพิจารณาถึงรายละเอียดกฎหมาย ซึ่งเมื่อเสร็จก็จะส่งเรื่องให้ทางสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) พิจารณา ก่อนนำมาบังคับใช้ต่อไป
ส่วนการลใช้กำไลติดตามตัวผู้คุมประพฤติ พบว่า ขณะนี้ หมดระยะเวลาสัญญาเช่าอุปกรณ์ติดตามตั้งแต่ต้นเดือน ก.ย.2558 ขณะนี้อยู่ระหว่าง เสนอเรื่องไปที่สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) เพื่อขอให้พิจารณาดำเนินการต่อ ซึ่งจะนำมาใช้ในกลุ่มผู้ที่ถูกคุมประพฤติ กลุ่มที่ถูกปล่อยตัวชั่วคราว และผู้ที่สามารถเลี้ยงชีพ และทำประโยชน์ให้แก่สังคมได้