ความขัดแย้งระหว่างซาอุดีอาระเบียกับอิหร่านยังคงขยายวงกว้างออกไป เมื่อกาต้าร์เป็นประเทศล่าสุดที่ประกาศให้การสนับสนุนซาอุดีอาระเบีย ด้วยการเรียกเอกอัครราชทูต ประจำกรุงเตหะรานเดินทางกลับประเทศ เหตุการณ์นี้มีจุดเริ่มต้นจากการที่ซาอุดีอาระเบียประหารชีวิตนักการศาสนามุสลิมนิกายชีอะห์พร้อมนักโทษอีก 46 คนในคดีก่อการร้าย ทำให้ชาวมุสลิมชีอะห์จำนวนมากไม่พอใจ โดยในการชุมนุมที่อิหร่านมีเหตุบุกรุกและวางเพลิงสถานทูตและสถานกงสุลด้วย ทำให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ แถลงประณามรัฐบาลอิหร่านที่ไม่ให้ความคุ้มครองทางการทูต และสหประชาชาติออกแถลงการณ์ให้ทั้ง 2 ฝ่ายหาทางลดความตึงเครียด ส่วนกลุ่มประเทศมุสลิมสุหนี่ทยอยประกาศลดระดับความสัมพันธ์ทางการทูตกับอิหร่านอย่างต่อเนื่อง ขณะที่อิหร่านถอนเจ้าหน้าที่ทูตออกจากซาอุดีอาระเบียเช่นกัน
เมื่อวานนี้ ทางการอิรักเสนอให้จัดการหารือเพื่อคลี่คลายความขัดแย้งในทันที เนื่องจากความขัดแย้งในครั้งนี้ส่งผลกระทบไปทั้งภูมิภาค ในเวลานี้นายอิบราฮิม จาฟารี รัฐมนตรีการต่างประเทศอิรัก อยู่ที่กรุงเตหะราน เพื่อหารือกับนายโมฮัมหมัด จาวาด ชารีฟ รัฐมนตรีการต่างประเทศของอิหร่าน ทั้งกล่าวหาฝ่ายซาอุดีอาระเบียว่าเป็นอาชญากรจากการประหารนักการศาสนา ทั้งประณามว่าเจตนาทำร้ายชาวอิหร่านด้วยการกดราคาน้ำมันในตลาดโลกไว้ในระดับต่ำ
ซาอุดีอาระเบียที่เป็นมุสลิมสุหนี่กับอิหร่านที่เป็นมุสลิมชีอะห์เป็นคู่ขัดแย้งทั้งในทางตรงและในสงครามตัวแทนหลายพื้นที่ โดยเฉพาะในซีเรียและเยเมน ที่ทั้ง 2 ฝ่ายให้การสนับสนุนฝ่ายตรงข้ามกันอย่างชัดเจน โดยคาดว่าทั่วโลกมีผู้นับถือนิกายสุหนี่ร้อยละ 85-90
..F163..