ความคืบหน้าเหตุละเมิดและปล้นในคืนวันปีใหม่ที่เมืองโคโลญจน์ของเยอรมนี ซึ่งมีสตรีเกือบร้อยคนเข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยชี้ว่าเหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นใกล้กับสถานีรถไฟ และผู้ก่อเหตุคือกลุ่มชายที่มีลักษณะเป็นชาวตะวันออกกลางหรือแอฟริกาเหนือ ทำให้มีผู้ชุมนุมที่ด้านหน้าสถานีรถไฟโคโลญจน์ต่อเนื่อง เพราะไม่พอใจทั้งฝ่ายการเมือง และเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ไม่ได้ให้ความคุ้มครองประชาชน รวมถึงกล่าวโทษผู้อพยพลี้ภัยด้วย นายโทมัส เดอ เมซีแอร์ รัฐมนตรีกิจการภายในของเยอรมนี กล่าวตำหนิการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพราะหลังจากที่มีผู้เสียหายเข้าแจ้งความเจ้าหน้าที่ตำรวจก็เข้ามาคลี่คลายสถานการณ์ด้วยการจับกุมผู้ต้องสงสัยไปกลุ่มหนึ่งแล้วก็ปล่อยตัวกลับมา กับผลักดันให้กลุ่มผู้ชายที่กำลังเมาสุราอยู่ในเวลานั้นออกไปจากพื้นที่ ซึ่งนับเป็นความผิดพลาดเพราะสุดท้ายแล้วพวกเขาก็กลับมารวมกลุ่มกันอีก ทั้งมีผลสรุปในเบื้องต้นว่ามีผู้ก่อเหตุประมาณ 30 คน เหตุการณ์นี้ยังทำให้ความไม่พอใจกลุ่มผู้อพยพลี้ภัยในเยอรมนีขยายวงกว้างไปมากกว่าเดิม โดยก่อนที่จะเกิดวิกฤติผู้ลี้ภัย ก็มีชาวเยอรมันส่วนหนึ่งไม่พอใจที่ผู้อพยพลี้ภัยอยู่แล้ว ซึ่งในขณะที่ตำหนิการทำงานของตำรวจ รัฐมนตรีกิจการภายในเยอรมันก็เตือนด้วยว่า อย่าเร่งด่วนสรุปว่าเป็นการกระทำของผู้อพยพลี้ภัยทั้งหมด เพราะยังอยู่ในระหว่างการสืบสวนสอบสวนคดี
ทั้งนี้ผู้เสียหายต่างเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าถูกกลุ่มชายที่มีลักษณะเหมือนชาวตะวันออกกลางหรือแอฟริกาเหนือที่กำลังเมาสุราเข้ามาห้อมล้อม โดยมีผู้เสียหายคนหนึ่งที่ถูกลวนลามและขโมยโทรศัพท์มือถือของเธอไป ในตอนที่เธอเข้าแจ้งความที่สถานีตำรวจเธอพบว่ามีเด็กสาวอยู่ที่นั่นจำนวนมาก พวกเธอต่างร้องไห้และเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ยังมีนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษที่ตกเป็นผู้เสียหายเช่นกัน เธอเล่าว่ามีชายกลุ่มหนึ่งที่ไม่ได้พูดภาษาเยอรมันหรืออังกฤษ โยนดอกไม้ไฟมาที่กลุ่มของเธอแล้วพยายามเข้ากอด และลวนลาม ชายคนหนึ่งขโมยกระเป๋าของเพื่อนเธอไปด้วย ซึ่งเธอระบุว่า เป็นสถานการณ์ที่เธอหวาดกลัวที่สุดในชีวิต
..F163..