*ยูเอ็น+จีน เตรียมลงโทษเกาหลีเหนือ/ซาอุฯลดส่งน้ำมันไปยุโรป/สหรัฐฯสังหารไอเอส2,500ศพ*

07 มกราคม 2559, 05:21น.


+++สถานีโทรทัศน์ของรัฐในเกาหลีเหนือ เผยแพร่สำเนาคำสั่ง 2 ฉบับที่นายคิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือลงนามให้ทดลองระเบิดไฮโดรเจน สำเนาคำสั่งแรกลงนามเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2558 มีลายมือของนายคิมเขียนไว้ว่า มาเริ่มปี 2559 ด้วยเสียงเขย่าขวัญของการระเบิดไฮโดรเจนลูกแรกของเกาหลีเหนือ เพื่อให้ทั้งโลกยำเกรงสาธารณรัฐสังคมนิยมติดอาวุธนิวเคลียร์ และความยิ่งใหญ่ของพรรคแรงงานเกาหลี สำเนาคำสั่งฉบับที่สองลงนามเมื่อวันที่ 3 มกราคม 2559 ให้ทำการทดลองในวันที่ 6 มกราคม นายคิม กล่าวเป็นนัยเมื่อเดือนก่อนว่าเกาหลีเหนือพัฒนาระเบิดไฮโดรเจนได้แล้ว แต่ครั้งนั้นผู้เชี่ยวชาญสากลยังไม่เชื่อ ระเบิดไฮโดรเจนใช้ปฏิกิริยาฟิวชันที่จะทำให้เกิดแรงระเบิดอานุภาพรุนแรงกว่าระเบิดจากปฏิกิริยาฟิชชันของยูเรเนียมหรือพลูโตเนียม



+++ปฎิกิกริยาของประธานาธิบดีปัก กึน เฮ ของเกาหลีใต้ ประณามการทดลองนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือว่าเป็นการกระทำที่ยั่วยุอย่างรุนแรงต่อความมั่นคงและอนาคตของเกาหลีใต้ เรียกร้องให้ประชาคมโลกคว่ำบาตรเกาหลีเหนืออย่างแข็งกร้าว



+++คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ประชุมฉุกเฉินที่นครนิวยอร์ก เพื่อหารือสถานการณ์เกาหลีเหนือ 15 ชาติสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ รวมถึงจีน ลงมติเป็นเอกฉันท์ประณามอย่างรุนแรงต่อการทดสอบนิวเคลียร์ครั้งที่ 4 ของเกาหลีเหนือ ชี้เป็นภัยคุกคามสันติภาพและความมั่นคงของนานาชาติ พร้อมทั้งเห็นพ้องเตรียมการมาตรการลงโทษเพิ่มเติม       



+++จีน แสดงท่าทีตกใจและไม่เห็นด้วยอย่างชัดเจน หลังจากจีนช่วยเกาหลีเหนือมาโดยตลอด เพราะไม่ต้องการให้เกาหลีเหนือล้มจนทำให้ประชาชนที่มีความเป็นอยู่ไม่ดีลี้ภัยทะลักเข้าจีน กระทรวงการต่างประเทศแถลงว่า จีน คัดค้านการทดสอบนิวเคลียร์อย่างหนักแน่น



+++นายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ ของญี่ปุ่น กล่าวว่า จะตอบโต้การท้าทายของเกาหลีเหนืออย่างแข็งกร้าว เนื่องจากการทดสอบนิวเคลียร์เป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อความมั่นคงของญี่ปุ่น และละเมิดสนธิสัญญาการไม่แพร่กระจายอาวุธนิวเคลียร์



+++โฆษกทำเนียบขาว เปิดเผยว่าประธานาธิบดีบารัค โอบามา ของสหรัฐฯ จะพูดคุยกับนายอาเบะและประธานาธิบดีเกาหลีใต้ เพื่อประสานงานท่าทีของเกาหลีเหนือ



+++สถานการณ์ในตะวันออกกลาง สำนักงานราชทัณฑ์ในสังกัดกระทรวงมหาดไทยซาอุดิอาระเบีย ประหารชีวิตนายซาอุด บิน โมฮัมเหม็ด อัล-ชาลวี นักโทษชายชาวซาอุดิอาระเบีย  หลังจากศาลมีคำพิพากษาว่านาย อัล-ชาลวี มีความผิดจริง ตามข้อหาฆาตกรรม ใช้อาวุธปืนยิงนายโมฮัมเหม็ด บิน ซาฟาร์ อัล-ฮาริธี เพื่อนร่วมชาติชาวซาอุดิอาระเบีย เสียชีวิต จากการทะเลาะวิวาท



+++นาย อัล-ชาลวี นับเป็นนักโทษรายที่ 49 ที่ถูกประหารชีวิตในซาอุดิอาระเบีย ในช่วงสัปดาห์แรกของปี พ.ศ. 2559 หลังจากทางการซาอุดิอาระเบีย ประหารชีวิตนักโทษชาย 47 คน ตามข้อหาก่อการร้าย ในจำนวนนี้รวมถึงสมาชิกกลุ่มก่อการร้ายเครือข่าย อัล-กออิดะห์ และ เชค นิมร์ อัล-นิมร์ นักการศาสนาชื่อดังของชาวนิกายชีอะห์ ซึ่งการประหารก่อให้เกิดกรณีพิพาทรุนแรงกับอิหร่าน



++++ความเคลื่อนไหวราคาน้ำมัน นายไมเคิล ฮิวสัน หัวหน้านักยุทธศาสตร์บริษัทซีเอ็มซี มาร์เกตส์ เห็นว่า ราคาน้ำมันดิบแตะระดับต่ำสุดในรอบ 11 ปี หลังปัญหาขัดแย้งระหว่างซาอุดิอาระเบียและอิหร่าน อาจจะส่งผลให้ไม่มีการประสานความร่วมมือกันเพื่อลดกำลังการผลิตลงให้มากขึ้นระหว่าง 2 ผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่ของกลุ่มโอเปก เพื่อช่วยประคองราคาให้สูงขึ้น



+++รัฐบาลซาอุดีอาระเบีย ปรับลดราคาน้ำมันดิบสำหรับส่งมอบในเดือน ก.พ. ที่ส่งออกไปยังยุโรป ซึ่งเป็นความพยายามอย่างต่อเนื่อง ในการต่อสู้เพื่อแย่งส่วนแบ่ง ท่ามกลางภาวะน้ำมันล้นตลาด ขณะที่อิหร่าน และประเทศร่วมกลุ่มโอเปก เตรียมจะสานต่อการส่งออกน้ำมันไปยังยุโรปอีกครั้ง เมื่อมาตรการคว่ำบาตรถูกยกเลิก หลังอิหร่านบรรลุข้อตกลงนิวเคลียร์กับ 6 ชาติมหาอำนาจโลกเมื่อปีที่แล้ว  ยุโรปเป็นตลาดเก่าแก่ของน้ำมันอิหร่าน ก่อนที่อิหร่านจะถูกนานาชาติคว่ำบาตรในปี 2555 จากโครงการนิวเคลียร์



+++ตำรวจเยอรมนีแจ้งว่า ผลตรวจพัสดุ 5 ชิ้นที่มีผู้ส่งไปยังสำนักงานของนายกรัฐมนตรีอังเกลา แมร์เคิลในกรุงเบอร์ลิน ไม่พบสิ่งผิดปกติ โฆษกสำนักงานตำรวจเยอรมนีแถลงว่า เจ้าหน้าที่ได้ปิดพื้นที่ในสำนักนายกรัฐมนตรี ขณะที่การประชุมคณะรัฐมนตรีช่วงเช้ายังคงดำเนินไปตามปกติ จนกระทั่งตรวจสอบแล้วว่าพัสดุทั้ง 5 ชิ้นไม่มีความผิดปกติจึงได้ยกเลิกการปิดพื้นที่ และได้เปิดดูพัสดุทั้งหมดแล้ว แต่ไม่ได้เปิดเผยว่าภายในเป็นอะไร



+++เยอรมนีและหลายประเทศในยุโรป เพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยตั้งแต่เกิดเหตุก่อการร้ายกรุงปารีสของฝรั่งเศสเมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน  เมื่อปี 2553 มีผู้ส่งพัสดุต้องสงสัยไปยังห้องไปรษณีย์ของนางแมร์เคิล ตำรวจตรวจพบว่าข้างในมีวัตถุระเบิดและส่งมาจากกรีซ



+++กระทรวงมหาดไทยเยอรมนี แถลง ว่า ในช่วงระหว่างเดือน ม.ค. - ธ.ค. 2558 มีผู้อพยพชาวต่างชาติถูกบันทึกเป็นผู้แสวงหาที่ลี้ภัยในเยอรมนี 1 ล้าน 91,894 คน โดยชาวซีเรียมีจำนวนมากที่สุด 4 แสน 28,468 คน ตามด้วยอัฟกานิสถาน 1 แสน 54,146 คน และชาวอิรัก 1 แสน 21,662 คนเยอรมนีเป็นประเทศจุดหมายของผู้อพยพและผู้ลี้ภัย มากกว่าประเทศอื่นๆ ในยุโรป



+++บีบีซี รายงานอ้างนายโมฮัมเหม็ด โมมานี โฆษกรัฐบาลจอร์แดนว่า ผู้อพยพซีเรีย ราว 12,000 คนที่ติดค้างอยู่ในเขตทะเลทรายห่างไกลทางภาคเหนือของจอร์แดนที่มีพรมแดนติดต่อกับซีเรีย อยู่ระหว่างการรอเข้าเมือง คาดว่าตัวเลขนั้นจะเพิ่มขึ้นอีก แต่ในช่วงนี้ จอร์แดนอนุญาตให้ผู้อพยพซีเรียเข้าเมืองได้วันละ 50-100 คน กลุ่มที่ได้รับอนุญาตให้เข้าเมืองก่อนกลุ่มอื่นๆคือ สตรี เด็ก คนสูงอายุและคนป่วย ระบุว่าการอนุญาตให้ผู้อพยพเข้าเมืองคราวละมากๆ ทำไม่ได้ เนื่องจากอาจจะเกิดปัญหาด้านความมั่นคงของประเทศ



+++กองกำลังพันธมิตรนำโดยสหรัฐฯ ที่ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศต่อเป้าหมายกลุ่มไอเอสในซีเรียและอิรัก สังหารนักรบไอเอสได้ประมาณ 2,500 ศพ ในเดือน ธ.ค. 2558   จากการประเมินของทางการสหรัฐฯเมื่อปีที่แล้ว มีนักรบไอเอสปฏิบัติการอยู่ในอิรักและซีเรีย ประมาณ 20,000 - 30,000 คน ส่วนหนึ่งของแผนยุทธศาสตร์ต่อต้านไอเอส ของกองกำลังพันธมิตรที่กำลังดำเนินอยู่ คือการโจมตีแหล่งน้ำมัน ที่กลุ่มไอเอสใช้หารายได้หนุนปฏิบัติการ การผลิตน้ำมันของไอเอส ถูกตัดเกือบร้อยละ 30 จากวันละ 45,000 บาร์เรล เหลือวันละ 34,000 บาร์เรล

+++เจ้าหน้าที่อินโดนีเซีย กำลังร่วมมือประสานงานกับทางการจีน เพื่อสกัดการไหลบ่าของกลุ่มชาวจีนเชื้อสายอุยกูร์ ที่จะเดินทางไปร่วมกับกลุ่มหัวรุนแรง ในอินโดนีเซีย ประเทศที่มีประชากรเป็นชาวมุสลิมมากที่สุดในโลก นายซาอุด อุสมาน นาซูเตียน ผู้อำนวยการสำนักงานต่อต้านการก่อการร้ายแห่งชาติอินโดนีเซีย (เอ็นซีทีเอ) แสดงความวิตกมากขึ้นเกี่ยวกับการโจมตีก่อการร้าย หลังจากเจ้าหน้าที่อินโดนีเซีย บุกจับกุมผู้ต้องสงสัย 13 คน จากหลายแหล่งทั่วเกาะชวา รวมถึงชาวมุสลิมอุยกูร์รายหนึ่ง ซึ่งมีสายคาดระเบิดสำหรับการโจมตีแบบฆ่าตัวตาย   

+++เว็บไซต์ข่าวฮ่องกง เซาท์ ไชน่า มอร์นิ่ง โพสต์ รายงานว่า สาวจีน วัย 20 กว่าปี พยายามเปิดประตูฉุกเฉินของเครื่องบินสายการบิน  เป่ยจิง แคปิตัล แอร์ไลน์ส ที่เดินทางจากเมืองฉางซา ในมณฑลหูหนาน ไปยังเมืองซานย่า ในมณฑลไห่หนาน ขณะบินอยู่กลางอากาศ ทำให้พนักงานต้อนรับต้องเข้ามาห้าม แต่เมื่อเจ้าหน้าที่พยายามจะหยุดยั้ง เธอกลับขู่ว่าจะฆ่าตัวตาย จากนั้นผู้โดยสารที่เป็นเพื่อนของเธออีก 2 คน จึงเดินเข้ามาช่วย เหตุการณ์เริ่มชุลมุนเมื่อพนักงานอีกหลายคนเข้ามาห้ามปราม การเปิดประตูเครื่องบินครั้งนี้ และแจ้งหอบังคับการบิน จนสามารถทำให้ผู้ก่อความวุ่นวายสงบสติอารมณ์ กลับไปนั่งที่ได้สำเร็จ โดยหากทั้งหมดเปิดประตูฉุกเฉินได้ จะทำให้เป็นอันตรายต่อผู้โดยสารทั้งลำ เมื่อเครื่องบินลงจอดที่ท่าอากาศยานเมืองซานย่าอย่างปลอดภัย เจ้าหน้าที่ส่งตัวหญิงคนดังกล่าวให้ตำรวจสอบปากคำที่สนามบิน



 



 

ข่าวทั้งหมด

X