*ผบ.ตร.แถลงผลจับแก็งค้ายาเสพติดแลกอาวุธสงคราม ขยายผลได้ผตห.9คน*

การตรวจยึดยาเสพติดและอาวุธสงคราม   พล.ต.อ. จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แถลงข่าวผลการจับกุม นายภูมิพิพัฒน์ อินทร์ประดิษฐ์ หรือชาย พร้อมของกลาง คือยาไอซ์และยาบ้า หลังจากนั้น ได้สืบสวนขยายผล โดยได้ให้นายภูมิพิพัฒน์นำของกลางไปส่งมอบให้กลุ่มผู้ค้ายาเสพติดในพื้นที่จังหวัดปทุมธานี ทราบชื่อต่อมาคือนายประทีป สร้อยทรัพย์ หรือชีพ โดยนายประทีปได้นัดให้เจ้าพนักงานตำรวจนำยาเสพติดของกลางไปส่งให้ที่บริเวณถนนเข้าสนามกอล์ฟไพน์เฮิร์ท หมู่ 17 ตำบลคลองหนึ่ง อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี และได้นำอาวุธปืนของกลางใส่รถยนต์ของกลาง ไปจอดรออยู่ที่ปั๊ม ปตท. ริมถนนพหลโยธิน ตำบลคลองหนึ่ง อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี เพื่อใช้แลกกับยาเสพติดบางส่วน เมื่อผู้ต้องต้องหากับพวกไปถึงจุดนัดหมาย เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แสดงตัวเข้าทำการจับกุม พร้อมตรวจยึดยาเสพติดของกลางและของกลางรายอื่น นำส่งพนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

เจ้าหน้าที่ได้จับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งหมด 9 ราย ได้แก่ นายประทีป สร้อยทรัพย์ อายุ 43 ปี ซึ่งเคยมีคดีปล้นฆ่ามาก่อน นายสมศักดิ์ พูนผล อายุ 39 ปี นายณัฏฐ์กร นนท์สมบูรณ์ อายุ 40 ปี นายสมพร วัดช้าง อายุ 45 ปี นายสังวาล สาสะเน อายุ 41 ปี นายสุดเขตต์ สุริยวัฒนานนท์ อายุ 25 ปี นายธีระยุทธ ขำวงษ์ อายุ 30 ปี นายสราญ บุญเหลือ อายุ 25 ปี นายบุญฤทธิ์ ทรงเจริญ อายุ 30 ปี ขณะที่ของกลางที่ยึดได้ ได้แก่ ยาบ้า 398,000 เม็ด ยาไอซ์ 3 กิโลกรัม อาวุธปืนเอ็ม16 5 กระบอก อาวุธปืน AK-47  5 กระบอก รถยนต์ 3 คัน โทรศัพท์มือถือ 13 เครื่อง บัตรอิเลคทรอนิกส์ 4 บัตร และเงินสดประมาณ 23,000 บาท

พล.ต.อ. จักรทิพย์ เปิดเผย คดีนี้เป็นคดีที่น่าสนใจ เป็นพฤติกรรมใหม่ ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เพราะมีการนำอาวุธปืนมาแลกกับยาเสพติด ซึ่งจะต้องมีการสืบสวนขยายผลต่อไป การทำงานในครั้งนี้เป็นการทำงานแบบบูรณาการของทุกภาคส่วน

ด้าน พล.ต.ท. เรวัช กลิ่นเกษร ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติดเปิดเผยว่า ยาเสพติดนี้ได้มาจากทางภาคเหนือ ส่วนอาวุธสงครามนั้นมาตามแนวชายแดน และนำเข้ามาในพื้นที่ภาคกลาง เป็นอาวุธปืนเถื่อนที่มีการปรับราคาเพื่อให้มีมูลค่าสูงขึ้น สันนิษฐานเบื้องต้น คาดว่าการนำอาวุธสงครามมาแลกกับยาเสพติด เพื่อต้องการนำอาวุธสงครามป้องกันตัวขณะลักลอบขนยาเสพติด