หลังจากที่เว็บไซต์ในสังกัดของสำนักงานตำรวจแห่งชาติทั้ง กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) กองบังคับการอำนวยการ (บก.อก.) ศูนย์บริการออกหนังสือรับรองความประพฤติ และกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพิตร (บก.ภ.พิจิตร) ถูกกลุ่มบลิงค์ แฮกเกอร์ (Blink HackerGroup) เจาะข้อมูลในระบบคอมพิวเตอร์ พ.ต.อ. กฤษณะ พัฒนะเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.)เปิดเผยว่า ภายในวันนี้ จะมีการรวบรวมเอกสารหลักฐานเพื่อแจ้งต่อกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) จากการตรวจสอบข้อมูล เบื้องต้น พบว่า เป็นการกระทำผิดที่เกี่ยวข้องกับหลายประเทศ แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ ต้องขอเวลาให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบให้ชัดเจนก่อน ขณะที่อีเมล์แอดเดรสที่ใช้การก่อกวนครั้งนี้มาจากหลายประเทศ แต่ไม่ระบุประเทศที่แท้จริง ดังนั้นจึงไม่ระบุว่ามาจากประเทศใดกันแน่ จนกว่าจะมีการตรวจสอบที่แน่ชัดก่อน และไม่ขอยืนยันว่ากลุ่มแฮกฯ นี้กระทำจากความไม่พอใจการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจในคดีเกาะเต่า
พฤติกรรมการแฮกฯ ข้อมูลของกลุ่มดังกล่าว ก็มีการใช้ชื่อและแสดงความเห็น ชัดเจนว่าไม่พอใจการทำงานในด้านการสืบสวน สอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้ดูวัตถุประสงค์ของกลุ่มนี้ แต่จะต้องดูว่าใครเป็นคนทำ พร้อมยืนยันว่ากลุ่มดังกล่าวไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลที่สำคัญของสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ เนื่องจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติมีการป้องกันและดูแลความปลอดภัยอย่างรัดกุม
พ.ต.อ. กฤษณะ ระบุว่า ธรรมชาติของกลุ่มแฮกเกอร์ จะกระทำเพื่อแสดงสัญลักษณ์เพื่อโชว์ความสามารถ แต่ไม่ได้มีพฤติกรรมที่จะเข้าถึงฐานข้อมูลชั้นความลับของทางตำรวจ ซึ่งแฮกเกอร์จะแบ่งเป็น 2 ประเภท คือ แบล็กแฮกเกอร์ หรือ หมวกดำ ที่หาช่องว่างของเว็บไซด์เพื่อต้องการสร้างความปั่นป่วน กับ ไวท์แฮกเกอร์ หรือ หมวกขาว ที่มีวัตถุประสงค์ คือ หาช่องช่องว่างของเว็บไซด์ เพื่อต้องการป้องกันช่องโหว และหาทางแก้ไขไม่ให้ถูกแบล็คแฮกเกอร์เข้ามาปั่นป่วนทั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินการเอาผิดกับกลุ่มแฮกเกอร์กลุ่มนี้แล้ว ในความผิดตามพ.ร.บ. คอมพิวเตอร์
ผู้สื่อข่าว:สมจิตร พูลสุข