+++ความเคลื่อนไหวสถานการณ์น้ำมันโลก สำนักข่าวเอเอพี รายงานว่าน้ำมันขยับลงต่อนักลงทุนกลับมากังวลต่อภาวะอุปทานล้นตลาด สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสอินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ ลดลง 79 เซนต์ ปิดที่ 35.97 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน ลดลง 80 เซนต์ ปิดที่ 36.42 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ความตึงเครียดระหว่างสองชาติผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่อิหร่านและซาอุดีอาระเบีย ทำให้หลายฝ่ายมีความกังวล แต่กังวลเรื่องอุปทานสูงล้นตลาดมากกว่า สอดคล้องกับที่ตลาดคาดหมายว่าคลังปิโตรเลียมของสหรัฐฯที่แกว่งตัวอยู่ใกล้ๆระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์จะปรับขึ้นอีกสัปดาห์ ในรายงานประจำสัปดาห์ของกระทรวงพลังงานสหรัฐฯซึ่งมีกำหนดเผยแพร่ในวันพุธ 6ม.ค.
+++นางจิราภรณ์ จันทรศิริ รองอธิบดีกรมเจ้าท่า เปิดเผยภายหลังการหารือผู้ประกอบการเรือด่วนเจ้าพระยาว่า ได้หารือให้ผู้ประกอบการปรับลดราคาค่าโดยสาร หลังจากราคาน้ำมันดีเซล ลดลงต่อเนื่อง รวมทั้งก่อนหน้านี้มีผู้ประกอบการบางราย เช่น เรือด่วนคลองแสนแสบนำร่องปรับลดราคาไปแล้ว หลังจากหารือผู้ประกอบการเรือด่วนเจ้าพระยา ยอมลดค่าโดยสารลงอีก 1 บาท โดยจะขอให้มีผลวันที่ 6 มกราคมนี้ ซึ่งระหว่าง 2 วันนี้จะเตรียมตั๋วโดยสารให้ถูก
+++หลังการประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่าที่ประชุมมีมติปรับสูตรราคาคำนวณน้ำมันพลังงานทดแทนใหม่ให้ต่ำลง เพื่อให้ราคาเป็นธรรมต่อทุกฝ่ายและสนับสนุนพลังงานทดแทน ทั้งไบโอดีเซลและแก๊สโซฮอล์ โดยให้อิงการผสมในสัดส่วนต่ำที่สุด ของแต่ละมาตรฐาน เช่น อี 85 สูตรให้ผสม ร้อยละ 75-85 ก็ให้คำนวณที่ ร้อยละ 75 ราคาก็จะลดลงได้ 1 บาท/ลิตร สูตร อี 10 ผสม ร้อยละ 9-10 ก็คำนวณที่ร้อยละ 9 ราคาก็จะลดลง 10สต./ลิตร ส่วนดีเซลราคาคงไม่เปลี่ยนแปลงเพราะปัจจุบันอิงราคาต่ำสุดที่ร้อยละ 6.5 อยู่แล้วจากสูตรผสมร้อยละ 6.5-7 โดยราคาหน้าโรงกลั่นน้ำมันจะมีผลวันนี้ หลังจากนั้น ราคาขายปลีกหน้าปั๊มน้ำมัน ผู้ค้าก็จะประกาศปรับลดต่อไปคาดว่าใน 2-3 วันนี้
+++ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดในกรอบแคบๆ หลังจากเริ่มต้นสัปดาห์หลังปีใหม่ดิ่งลงแรง อย่างไรก็ตามความกังวลในหมู่นักลงทุนยังอยู่ในระดับสูง ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 9.72 จุด ปิดที่ 17.158.66 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 4.05 จุด ปิดที่ 2,016.71 จุด แนสแดค ลดลง 11.66 จุด ปิดที่ 4,891.43 จุด หลังจากข้อมูลทางเศรษฐกิจจีนฉุดให้ตลาดหุ้นร่วงลงหนักในวันจันทร์ ธนาคารกลางจีน อัดฉีดเงิน 20,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯเข้าสู่ระบบการเงิน ในความพยายามค้ำยันตลาด
+++ต้องตามกันต่อ ดัชนีหุ้นไทยปิดตลาดเมื่อวานนี้ 1,253.34 จุด ลดลง 10.07จุด มูลค่าการซื้อขาย 45,355.64 ล้านบาท ตลาดหุ้นไทย ได้รับแรงกดดันภายนอกส่งผลกระทบที่รุนแรงโดยเฉพาะความกังวลเศรษฐกิจจีน และการอ่อนค่าของเงินหยวน ยังไม่เห็นวี่แววปัจจัยบวกเข้ามาช่วยหนุนให้ตลาดกลับมาโดดเด่นได้ส่งผลให้ดัชนีปิดตลาด
+++ราคาทองคำ ปิดบวกและแตะระดับสูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์ หลังความกังวลต่อเศรษฐกิจจีนและความตึงเครียดในตะวันออกกลาง กระตุ้นให้นักลงทุนเข้าถือครองสินทรัพย์เสี่ยงต่ำ ทองคำตลาดโคเม็กซ์เพิ่มขึ้น 3.20 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,078.40 ดอลลาร์ต่อออนซ์ สูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 21 ธันวาคม
+++เรื่องการทุจริต เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 1/2559 เรื่องประกาศรายชื่อเจ้าหน้าที่ของรัฐที่อยู่ระหว่างการถูกตรวจสอบเพิ่มเติม ครั้งที่ 3 มีทั้งสิ้น 59 ราย เช่น รายชื่อกลุ่มที่ 1 ผู้บริหารสถานศึกษา ระงับการปฏิบัติราชการหรือหน้าที่ในตำแหน่งเดิมชั่วคราว เช่น นายสุเมธ แย้มนุ่น รักษาการแทนอธิการบดีมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ นายอร่าม ศิริพันธุ์ หัวหน้าภาควิชารัฐประศาสนศาสตร์ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กลุ่มที่ 2 ข้าราชการพลเรือน 2 ราย 1.นายอภิชาติ ถนอมทรัพย์ ผู้อำนวยการกองคดีสำนักงาน ปปง. 2.นายสมคิด มะธิปะโน ครูชำนาญการพิเศษ โรงเรียนแก่งนาจารย์พิทยาคมจังหวัดกาฬสินธุ์ กลุ่มที่ 3 ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 44 ราย ซึ่งในจำนวน 44 ราย เป็นผู้บริหารท้องถิ่นใน จ.มหาสารคามถึง 32 ราย กลุ่มที่ 4 ข้าราชการองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 4 ราย นายยุทธเดช พลอยสังวาลย์ ท้องถิ่นจังหวัดนครพนม ส.ต.ต.บุญส่ง ทศพร ปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลนพรัตน์ จ.ปทุมธานี นายณรงค์ฤทธิ์ คล้ายทอง ปลัดเทศบาลตำบลท่าข้าม อ.ชนแดน จ.เพชรบูรณ์ น.ส.จันทร์ประภา อิสสอาด ผู้อำนวยการกองสวัสดิการสังคม เทศบาลเมืองบางบัวทอง จ.นนทบุรี และกลุ่มที่ 5 กรรมการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ 7 ราย นพ.วิชัย โชควิวัฒน กรรมการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ รองประธานคนที่สอง นายสงกรานต์ ภาคโชคดี นายเอ็นนู ชื่อสุวรรณ นายยงยุทธ วงศ์ภิรมย์ศานติ์ นายสมพร ใช้บางยาง รองศาสตราจารย์ประภัทร นิยม และ 7.นายวิเชียร พงศธร กรรมการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ
+++เรื่องอุบัติเหตุ นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี สั่งการในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)ให้กระทรวงคมนาคมเพิ่มมาตรการความเข้มงวดในการลดอุบัติเหตุบนท้องถนน หลังพบสถิติการเกิดอุบัติเหตุช่วงปีใหม่ยังคงสูงอยู่ โดยเฉพาะการยกเลิกไม่ให้รถโดยสารสองชั้นใหม่จดทะเบียนเพิ่มเติมอีก ส่วนรถโดยสารสองชั้นเดิมที่มีอยู่ในระบบ 4,800 คัน รวมถึงรถชั้นเดียวที่มีความสูงเกิน 3.6 เมตรอีกประมาณ 1.6 หมื่นคัน จะต้องผ่านการทดสอบความลาดชันอย่างเข้มงวด หากไม่ผ่านการทดสอบต้องหยุดวิ่งทันที พล.อ.ประยุทธ์ ยังเร่งให้รถโดยสารสาธารณะทุกคันต้องติดตั้งระบบติดตามรถภาคพื้นดิน (จีพีเอส)ให้ครบทุกคันเพื่อควบคุมพฤติกรรมคนขับไม่ให้ขับเร็ว ไม่ขับโดยประมาท ซึ่งเป็นสาเหตุต้น ๆ ที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุจำนวนมาก ขณะเดียวกันยังให้กรมการขนส่งทางบกบังคับใช้กฎหมายลงโทษผู้เกี่ยวข้องในการเกิดอุบัติเหตุอย่างเข้มงวดหากใครผิดต้องจับลงโทษปรับ พักหรือถอนใบอนุญาตขับขี่ทันที
+++ที่สำคัญ นายกรัฐมนตรี ให้เพิ่มขอบเขตกฎหมายลงโทษผู้ประกอบการ รวมถึงผู้ว่าจ้างรถโดยสาร เช่นบริษัททัวร์เพิ่มด้วย เพื่อป้องกันไม่ให้มีการลดต้นทุนไปว่าจ้างรถไม่ได้มาตรฐานมาออกวิ่งให้บริการ โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่คาดว่าจะมีประชาชนเดินทางใช้รถใช้ถนนมากกว่าช่วงปีใหม่อีกมากจึงอยากเห็นสถิติการเกิดอุบัติเหตุลดน้อยลง
+++ด้านนายสนิท พรหมวงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวว่า ปัจจุบันมีรถโดยสารสองชั้น และรถชั้นเดียวที่มีความสูงเกิน 3.6 เมตร วิ่งให้บริการอยู่ประมาณ 20,000 คัน ทุกคันได้ทดสอบความลาดเอียงไม่น้อยกว่า 30 องศา ถึงจะออกมาวิ่งให้บริการได้ แต่กรมฯ คงไม่สามารถยกเลิกรถทัวร์สองชั้นออกวิ่งบริการได้ทันทีเพราะผิดกฎหมาย ทำได้เพียงควบคุมไม่ให้รถสองชั้นรุ่นใหม่เข้ามาจดทะเบียนเพิ่มรวมถึงต่อไปเมื่อรถสองชั้นเดิมครบกำหนดอายุการใช้งานก็จะทำให้รถสองชั้นลดลงไปเรื่อยจนไม่เหลือวิ่งเลยในที่สุด ส่วนการติดตั้งจีพีเอสในรถโดยสาร กรมการขนส่งทางบก ออกประกาศให้รถโดยสารที่จะเข้ามาจดทะเบียนใหม่ตั้งแต่วันที่ 25 ม.ค. 2559 เป็นต้นไป ต้องติดตั้งจีพีเอสทุกคัน ส่วนรถเดิมที่ติดตั้งจีพีเอสไว้แล้ว จะต้องมาเชื่อมต่อข้อมูลกับกรมการขนส่งทางบก ภายในปี 2559 และบังคับให้รถโดยสารทุกคันทั่วประเทศจะต้องติดตั้งจีพีเอสครบภายในปี 2560 ครอบคลุมทั้งรถโดยสารสาธารณะ รถทัวร์ รถเมล์ รถตู้ และรถแท็กซี่ แต่ไม่รวมรถสองแถว และรถสามล้อ
+++การชุมนุมของกลุ่มชาวเมียนมา ไม่พอใจศาลชั้นต้น พิจารณาคดีเกาะเต่า นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า เสนอทางการเมียนมาส่งผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายมาประเทศไทย เพื่อช่วยเหลือเรื่องการต่อสู้คดีของผู้ต้องหาชาวเมียนมา 2 คนในคดีฆาตกรรมนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ ที่เกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี นายดอน กล่าวว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงประเทศเมียนมารับข้อเสนอนี้ และแจ้งว่าจะส่งทีมผู้เชี่ยวชาญมาไทยภายใน 4-5 วันนี้ ขณะที่ยังมีการชุมนุมกันอยู่ ทำให้สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงย่างกุ้ง ประเทศเมียนมา แจ้งปิดการให้บริการแผนกกงสุลตั้งแต่วันที่ 5-8 มกราคม เป็นเรื่องปกติ ระหว่างนี้ สถานทูตฯ จะให้บริการกับผู้ที่ต้องการวีซ่าเป็นการเร่งด่วน ติดต่อขอรับข้อมูลและบริการพิเศษได้ที่ 09-5090926
+++เหตุเรือเร็วชนนักท่องเที่ยวชาวฝรั่งเศสอายุ 52 ปี เสียชีวิต ที่บริเวณเกาะปอดะ หมู่ 2 ต.อ่าวนาง อ.เมือง จ.กระบี่ พ.ต.ต.โสภณ คงทอง พนักงานสอบสวน สภ.เมืองกระบี่ ระบุว่า เรือที่ก่อเหตุ เป็นเรือสปีดโบ๊ทนำนักท่องเที่ยวมาจาก จ.ภูเก็ต ชื่อเรือโซคูล 1 ชนิด 2 เครื่องยนต์ ของบริษัททัวร์อะเมซิ่ง แคนูอิ้ง กรุ๊ป จำกัด มีนายโยธิน สืบศักดิ์ อายุ 29 ปี เป็นคนควบคุมเรือขับมาบริเวณดังกล่าว และวิ่งผ่านตรงจุดที่นักท่องเที่ยวกำลังว่ายน้ำอยู่ ใบพัดเรือไปฟันที่หลังจนเสียชีวิต ล่าสุด นายโยธิน เดินทางเข้ามอบตัวต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว โดยให้การอ้างในเบื้องต้นว่า จุดที่ดำน้ำเป็นเส้นทางเดินเรือ เจ้าหน้าที่จสอบปากคำลูกเรืออีกสองคนและนักท่องเที่ยวบนเรืออีกกลุ่มหนึ่งด้วย
+++กรณีสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาที่กำลังก่อสร้างในจังหวัดพระนครศรีอยุธยาถล่ม นายประศักดิ์ บัณฑุนาค รองอธิบดีกรมทางหลวงชนบท คาดว่าอาจต้องใช้เวลาประมาณ 10 วันถึงจะทราบสาเหตุที่แน่ชัด ซึ่งจากการตรวจสอบวัสดุเช่นปูนและเหล็กก็พบว่าได้มาตรฐานตามที่กำหนดไว้ และจากการสอบถามในเบื้องต้นพบว่าการเชื่อมต่อจิ๊กซอว์หรือว่าน็อต ระหว่างตอม่อ 2 ตอม่อด้วยกันเชื่อมต่อไม่เรียบร้อยทำให้เกิดเหตุการณ์ถล่มลงมา สั่งการให้ปิดพื้นที่ชั่วคราว นำรถเทรลเลอร์เข้ามาในพื้นที่ขนย้ายวัสดุที่แตกหักออก บาดเจ็บ 12 คน บ้านเรือนประชาชนเสียหาย 4 หลัง ซึ่งทางกรมทางหลวงชนบทและบริษัท ประยูรวิศว์ จำกัด จะร่วมกันรับผิดชอบ รวมถึงจะทำการหาเต็นท์ชั่วคราวให้ประชาชน และจะเจรจาต่อไปว่าต้องการให้สร้างบ้านหลังใหม่ให้ หรือต้องการนำเงินไปสร้างเอง
CR:กู้ภัยพุทไธสวรรย์