*ปธ.สมาคมผู้ค้าปลีกไทย หนุนรัฐจัดมาตรการช็อบช่วยชาติอีกหลังนำเงินเข้าระบบกว่าแสนลบ.*

05 มกราคม 2559, 17:51น.


น.ส.จริยา จิราธิวัฒน์ ประธานสมาคมผู้ค้าปลีกไทย เปิดเผยว่า ภายหลังรัฐบาลประกาศใช้มาตรการลดหย่อนภาษีเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงปลายปี 2558 โดยยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สำหรับเงินได้เท่าที่ได้จ่ายเป็นค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการภายในประเทศ ระหว่างวันที่ 25-31 ธ.ค. ตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 15,000 บาท ทำให้การจับจ่ายใช้สอยของประชาชนพุ่งสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยในช่วงระยะเวลา 7 วัน มีการจับจ่ายเพิ่มขึ้นร้อยละ 20 หรือคิดเป็นมูลค่า 25,000 ล้านบาท ส่งผลให้เม็ดเงินไหลเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจโดยรวม 125,000 ล้านบาท ในช่วงเวลาดังกล่าวกลุ่มค้าปลีกประเภท "ซุปเปอร์มาร์เก็ต" มีอัตราการเติบโตสูงที่สุด   โดยขอสนับสนุนภาครัฐให้ดำเนินมาตรการดังกล่าวต่อไป ในช่วงครึ่งปีแรก ทั้งนี้เพื่อเป็นการขับเคลื่อเศรษฐกิจของไทย และยังเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศไทยอีกทางหนึ่ง



แม้ว่าผู้ที่ได้ประโยชน์จากมาตรการนี้จะมีราว 3.2 ล้านคน จากฐานผู้เสียภาษี 9.6 ล้านคน (ข้อมูลปี 2556) แต่ก็เป็น 3.2 ล้านคน ที่ยังมีกำลังซื้อที่แข็งแรง มาตรการกระตุ้นการบริโภคผ่านภาคการค้า (ค้าปลีก ค้าส่ง และ ภัตตาคาร ร้านอาหาร ที่อยู่ในระบบภาษี) เป็นช่องทางที่ส่งผลให้เม็ดเงินหมุนเวียนในวงจรเศรษฐกิจถึงกว่า 2-3 เท่า เนื่องจากภาคการค้า มีการจ้างงานทั้งทางตรงและทางอ้อม ถึงกว่า 3.5 ล้านคน และมีผู้ที่เกี่ยวข้องในห่วงโซ่อุปทาน Supply chain ถึงกว่า 1.5 ล้านครัวเรือน



ส่วนทิศทางเศรษฐกิจปี 2559 เชื่อว่า น่าจะดีขึ้นกว่า ปี 2558 ซึ่งกลไกในการกระตุ้นเศรษฐกิจยังมุ่งเน้นไปที่กลไกภาครัฐเป็นหลัก นับตั้งแต่ การลงทุน Mega Project และสร้างมาตรการจูงใจให้ภาคเอกชนลงทุนต่อเนื่อง ในส่วนภาคค้าปลีกเอง ก็ยังต้องอาศัยกำลังซื้อและการบริโภคภายในเป็นหลัก ซึ่งก็ยังคงต้องใช้เวลาในการสร้างงานสร้างรายได้ลงสู่รากหญ้า โดยในปีนี้ตนเชื่อว่าอุตสาหกรรมค้าปลีกจะเติบโตขึ้น ร้อยละ3.5

ข่าวทั้งหมด

X